การประชุมสภาพภูมิอากาศสหประชาชาติ COP30 ที่เมืองเบเลง บราซิล กำลังเผชิญความตึงเครียดครั้งสำคัญ เมื่อหลายประเทศผลักดันให้บรรจุ “โรดแมปการเปลี่ยนผ่านออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล” ไว้ในเอกสารผลลัพธ์สุดท้ายของการประชุม ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันออกแรงคัดค้านอย่างหนัก ทั้งหมดเกิดขึ้นภายหลังสัญญาณทางการเมืองที่ไม่คาดคิดจากผู้นำเจ้าภาพซึ่งจุดกระแสการเจรจาให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น

ประธานาธิบดีบราซิลจุดประกายการเปลี่ยนแปลง-ขยายแนวร่วมประเทศสนับสนุน
การจุดประกายเริ่มต้นขึ้นเมื่อประธานาธิบดี ลูอิซ อีนาซิโอ ลูลา ดาซิลวา กล่าวต่อผู้นำโลกในการประชุมโดยเรียกร้องให้มีแผนที่ชัดเจนเพื่อ “เอาชนะการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล”
คำประกาศดังกล่าวกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้กลุ่มประเทศที่สนับสนุนการเร่งเลิกพึ่งพาฟอสซิล ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส โคลอมเบีย เยอรมนี เคนยา และอีกหลายชาติจากยุโรป แอฟริกา ละตินอเมริกา และรัฐหมู่เกาะเล็กๆ เดินหน้าผลักดันให้เรื่องนี้เข้าสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่ได้อยู่ในวาระดั้งเดิมของ COP30
ประเทศเหล่านี้ต้องการให้โรดแมปถูกบรรจุในเอกสารที่ทุกประเทศเห็นพ้องร่วมกัน ซึ่งจะมีน้ำหนักมากกว่าการออกแถลงการณ์เฉพาะกลุ่ม ขณะนี้มีผู้สนับสนุนราว 50–60 ประเทศ และกำลังพยายามขยายการสนับสนุนให้ได้ถึง 100 ประเทศภายในช่วงเวลาที่เหลือ รัฐมนตรีของหลายประเทศมองว่าโรดแมปสามารถวางรากฐานของการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมและมีแผนรองรับ โดยต่อยอดจากคำมั่นใน COP28 ที่ดูไบเมื่อปี 2023 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่การตัดสินใจร่วมของทุกชาติพูดถึงการ “เปลี่ยนผ่านออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล” อย่างชัดเจน
ข้อเสนอโรดแมปไม่ได้คาดหวังให้ทุกประเทศต้องกำหนดวันหรือเป้าหมายการยุติใช้ถ่านหิน น้ำมัน หรือก๊าซ แต่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ แสดงรายละเอียดความคืบหน้าชัดเจนกว่าเดิม และอาจเปิดทางให้มีการทบทวนในปีถัดไป

แรงต้านจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและท่าทีที่ขัดแย้ง
ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันโดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย พร้อมด้วยสมาชิกโอเปกอีกหลายชาติ รวมถึงรัสเซีย ต่อต้านการหยิบยกประเด็นนี้เข้าสู่เอกสารตกลง โดยให้เหตุผลว่าประเทศกำลังพัฒนาบางแห่งยังประสบปัญหาการเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น อาหารและไฟฟ้า จึงยังไม่สามารถเลิกพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ในระยะนี้ แหล่งข่าวระบุว่ามีประมาณ 70 ประเทศที่ไม่สนับสนุนการเพิ่มถ้อยคำใหม่เกี่ยวกับฟอสซิลในเอกสารผลลัพธ์ของ COP30
ในขณะเดียวกัน องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เพิ่งยืนยันคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันโลกจะยังคงเพิ่มขึ้นในปี 2025 และ 2026 ยิ่งตอกย้ำแรงต้านต่อความพยายามในการจำกัดบทบาทของเชื้อเพลิงฟอสซิลในระบบพลังงานโลก
"เป็นเรื่องดีที่จะพูดถึงการลดหรือเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในขณะที่คุณอาศัยอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างฝรั่งเศส แต่ในขณะที่ผู้คนในเมืองอย่างเบเลงยังไม่มีการเข้าถึงอาหารและไฟฟ้า เราไม่สามารถบอกได้ว่าเราต้องพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์หรือลม"
— วลาดิมีร์ อุสคอฟ หัวหน้าคณะเจรจาจากรัสเซีย กล่าว
บทบาทที่ขัดแย้งของบราซิล
บราซิลในฐานะเจ้าภาพมีบทบาทสำคัญต่อกระแสการถกเถียงรอบนี้ แม้จะส่งสัญญาณสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านออกจากฟอสซิลผ่านผู้นำประเทศและรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม แต่รัฐบาลบราซิลเพิ่งอนุมัติโครงการสำรวจน้ำมันบริเวณปากแม่น้ำแอมะซอนก่อนการประชุม COP30 จะเริ่มเพียงไม่กี่วัน ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสอดคล้องของนโยบายด้านพลังงานของประเทศ
ขณะการเจรจายังคงดำเนินไปจนถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน แนวร่วมที่กำลังก่อตัวเพื่อผลักดันโรดแมปยังต้องผ่านความท้าทายทางการทูตอย่างต่อเนื่อง การรวบรวมเสียงสนับสนุนให้มากพออาจเป็นปัจจัยชี้ขาดว่าประเด็นการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะถูกบรรจุในเอกสารสุดท้ายของ COP30 หรือถูกขัดขวางโดยฝ่ายคัดค้านที่ยังคงมีน้ำหนักมากในเวทีเจรจาโลกครั้งนี้



