ปี 2025 โลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเป็นประวัติการณ์ รายงานล่าสุดย้ำเป้าหมาย 1.5°C แค่ฝันกลางวัน

13 พ.ย. 2568 - 03:13

  • วิเคราะห์รายงานใหม่ Global Carbon Budget 2025 หลังพบว่าโลกกำลังปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดเป็นประวัติการณ์

  • แม้พลังงานหมุนเวียนเติบโตเร็ว แต่ยังไม่ทันความต้องการพลังงานโลก

  • โลกเหลือโควตาปล่อยคาร์บอนเพียง 170 ,000 ล้านตัน ก่อนจะเกินขีดจำกัดภาวะโลกร้อน 1.5°C ขณะที่ “งบประมาณคาร์บอน” เหลือเพียง 4 ปี

ปี 2025 โลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเป็นประวัติการณ์ รายงานล่าสุดย้ำเป้าหมาย 1.5°C แค่ฝันกลางวัน

ขณะที่ผู้นำประเทศทั่วโลกกำลังรวมตัวหารือในที่ประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (UN Climate Change Conference) หรือ COP30 กลางป่าแอมะซอน ในเบเลง ประเทศบราซิล รายงานทางวิทยาศาสตร์ฉบับใหม่ได้ส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่งในทศวรรษว่า “โลกอาจไม่สามารถจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียสได้อีกต่อไป”

รายงานล่าสุด Global Carbon Budget 2025 ระบุว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลกมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก 1.1% ในปีหน้า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 381 ,000 ล้านตันของ CO₂ ซึ่งเท่ากับโลกกำลังเร่งใช้ “งบประมาณคาร์บอน” ที่เหลืออยู่ในอัตราที่อันตรายสุดๆ

“เวลาเหลือ 4 ปี” ก่อนโลกแตะขีดจำกัด 1.5°C ถาวร

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากมหาวิทยาลัยเอกซิเตอร์ และองค์กรวิจัยด้านสภาพภูมิอากาศ ระบุว่า โลกเหลือโควตาการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 170,000 ล้านตัน หากต้องการรักษาอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5°C จากยุคก่อนอุตสาหกรรม

ศาสตราจารย์ ปิแยร์ ฟรีดลิงชไตน์ ผู้นำการวิจัยกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวเทียบเท่ากับการปล่อยในอัตราปัจจุบันเพียง 4 ปี ก่อนจะหมดงบประมาณคาร์บอนโดยสิ้นเชิง “จึงเป็นเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะคงเป้าหมาย 1.5 องศาไว้ได้ เว้นแต่โลกจะลดการปล่อยอย่างฉับพลันและรุนแรงในทศวรรษนี้”

รายงานยังชี้ว่า แม้พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลมจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่สามารถชดเชยความต้องการพลังงานโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและการขนส่ง

นักวิทยาศาสตร์พบว่าการปล่อย CO2 จากเชื้อเพลิงฟอสซิลสูงขึ้น 1.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นักวิทยาศาสตร์พบว่าการปล่อย CO2 จากเชื้อเพลิงฟอสซิลสูงขึ้น 1.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ภาพรวมโลก การปล่อยคาร์บอนยังไม่ถึงจุดสูงสุด

ข้อมูลจากรายงานเผยว่า ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ยังคงเป็นแรงขับสำคัญของการปล่อยคาร์บอน

จีน แสดงสัญญาณทรงตัวของการปล่อย โดยเฉพาะจากถ่านหิน ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าพลังงานหมุนเวียนเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป กลับมีการปล่อยเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา จากราคาก๊าซที่สูงและอากาศหนาวจัด ทำให้โรงไฟฟ้าหันกลับไปใช้ถ่านหิน

อินเดีย แม้การปล่อยยังเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่ชะลอลงจากการขยายพลังงานหมุนเวียนและสภาพอากาศมรสุมที่เป็นใจ

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่า โลกโดยรวม “ยังไม่ถึงจุดสูงสุดของการปล่อยคาร์บอน” (Peak Emission) และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการปล่อยจะเริ่มลดลงภายในไม่กี่ปีข้างหน้า

“ความยั่งยืน” ที่ยังไปไม่ถึงและความหวังในแนวโน้มใหม่

แม้ภาพรวมทั่วโลกยังน่ากังวล แต่รายงาน Global Carbon Budget ก็เผยแง่มุมเชิงบวกว่า ขณะนี้มี 35 ประเทศ ที่สามารถ “ลดการปล่อยคาร์บอนลง” ได้พร้อมกับยังคงเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งมากกว่าสองเท่าของเมื่อสิบปีก่อน นั่นหมายความว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแนวคิดเชิงทฤษฎี แต่เริ่มเกิดขึ้นจริงในบางภูมิภาค

ในเวลาเดียวกัน การลดการตัดไม้ทำลายป่าและไฟป่ารุนแรงในอเมริกาใต้ช่วงสิ้นสุดปรากฏการณ์เอลนีโญ ปี 2024 ช่วยลดการปล่อยจากการใช้ที่ดินลงบางส่วน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการอนุรักษ์ธรรมชาติยังคงมีผลโดยตรงต่อสมดุลคาร์บอนของโลก

จีนเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดแต่ยังติดตั้งแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากกว่าประเทศอื่นใด
จีนเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดแต่ยังติดตั้งแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากกว่าประเทศอื่นใด

การเชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs และอนาคตของโลก

รายงานฉบับนี้สะท้อนความท้าทายโดยตรงต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยเฉพาะ SDG 7: พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ และ SDG 13: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หากโลกยังคงปล่อยในอัตราปัจจุบัน เป้าหมายทั้งสองข้ออาจถูกผลักออกไปไกลเกินกว่าจะบรรลุภายในปี 2030

“นี่คือช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจเชิงระบบ” นักวิเคราะห์ด้านสภาพภูมิอากาศชี้ “เราต้องเปลี่ยนจากการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่โครงสร้างพลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรมในทศวรรษนี้ มิฉะนั้นต้นทุนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมจะทวีคูณจนไม่มีใครจ่ายได้”

แม้คำเตือนของนักวิทยาศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ตัวเลขใน Global Carbon Budget 2025 ทำให้เห็นชัดว่า “เวลาที่เหลืออยู่” นั้นไม่ใช่แนวคิดเชิงนามธรรมอีกต่อไป หากแต่เป็นความจริงทางฟิสิกส์ที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

sustainability-un-warns-missed-1-5c-change-course-SPACEBAR-Photo01.jpg

1.5 เป้าที่เก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ความหวังโลก

โลกในปี 2025 อาจเป็นปีที่เราปล่อยคาร์บอนสูงสุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่เป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง กำลังกลายเป็นเส้นที่เลือนหายไปในกราฟของการเติบโตทางพลังงาน

แต่ในอีกด้านหนึ่ง แนวโน้มของบางประเทศที่เริ่มลดการปล่อยได้โดยไม่สูญเสียการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจเป็นแสงสว่างนำทางให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงคำขวัญ หากเป็นยุทธศาสตร์ที่จำเป็นต่อการอยู่รอดของมนุษยชาติ

สุดท้าย โลกอาจไม่ได้ต้องการปาฏิหาริย์ทางเทคโนโลยี เท่ากับความมุ่งมั่นทางการเมือง ที่กล้าหยุดวงจรของการพัฒนาแบบเผาอนาคตเสียที ก่อนที่งบประมาณคาร์บอนที่เหลือจะกลายเป็นตัวเลขสุดท้ายในบัญชีสิ่งแวดล้อมโลก

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์