ยูนิเซฟชี้เยาวชนเป็นแนวหน้าแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ แต่ยังไร้สิทธิ์-ไร้เสียง

25 ก.ย. 2568 - 02:00

  • ไทยอยู่ในอันดับที่ 30 ของโลกด้านความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะที่ “เด็กกลุ่มเปราะบาง” ได้รับผลกระทบหนักสุด

  • รายงาน “จากรุ่นสู่รุ่น ในโลกใบเดียวกัน” พบเยาวชนมีบทบาทสำคัญแต่ขาดทรัพยากรและพื้นที่ปลอดภัย

  • เปิดแคมเปญ #CountMeIn 2025 หนุนพลังเด็กทุกภูมิภาคมีส่วนร่วมจริงในการรับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ยูนิเซฟชี้เยาวชนเป็นแนวหน้าแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ แต่ยังไร้สิทธิ์-ไร้เสียง

ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งแต่ภัยแล้งที่ยืดเยื้อ คลื่นความร้อนที่รุนแรง ไปจนถึงน้ำท่วมฉับพลันที่ทำลายชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะในชุมชนเปราะบาง ผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผู้ใหญ่หรือภาคธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเด็กและเยาวชนในระดับที่ลึกซึ้งกว่าที่หลายคนตระหนัก ทว่า เสียงของพวกเขากลับยังไม่ถูกนับเป็นส่วนสำคัญของการตัดสินใจด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม

เยาวชนไทยในยุคโลกรวน พลังที่ยังไร้สิทธิ์ไร้เสียง

รายงาน จากรุ่นสู่รุ่น ในโลกใบเดียวกัน: Between Generations, One Planet ขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ที่เผยแพร่ล่าสุด สะท้อนให้เห็นภาพดังกล่าวอย่างชัดเจน โดยงานวิจัยเชิงลึกที่รวบรวมความคิดเห็นของเยาวชนจากกว่า 110 องค์กรทั่วประเทศ ระบุว่า แม้เด็กและเยาวชนจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ แต่พวกเขากลับถูกกันออกจากกระบวนการตัดสินใจสำคัญ ขาดทรัพยากรและงบประมาณ รวมถึงไม่มีพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออก บางรายยังเผชิญการคุกคามเมื่อออกมาเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 30 ของดัชนีความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศโลกปี 2568
ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 30 ของดัชนีความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศโลกปี 2568

ดัชนีความเสี่ยงไทย

ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 30 ของดัชนีความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศโลกปี 2568 ขณะเดียวกัน รายงานของยูนิเซฟในปี 2566 ระบุว่า เด็กในประเทศไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม โดยภัยแล้ง คลื่นความร้อน และน้ำท่วมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเด็กยากจนและกลุ่มเปราะบางมากที่สุด โดยเฉพาะด้านสุขภาพ การเรียน และความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

“เด็กและเยาวชนไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วย รายงานนี้ชี้ว่าเยาวชนไม่เพียงต้องได้รับการรับฟัง แต่ต้องได้รับการสนับสนุน การคุ้มครอง และการเสริมพลังให้มีส่วนร่วมในการออกแบบแนวทางที่โลกต้องการอย่างเร่งด่วน”

เซเวอรีน เลโอนาร์ดี รักษาการผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ระบุ

#CountMeIn 2025
#CountMeIn 2025

#CountMeIn 2025 จากเหนือจรดใต้ ทุกเสียงของเด็กมีความหมาย

เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ยูนิเซฟจึงเปิดตัวแคมเปญ #CountMeIn2025 ภายใต้แนวคิด “เสียงของเด็ก พลังของเด็ก” จากเหนือจรดใต้ ทุกเสียงของเด็กมีความหมาย: รับฟัง ลงมือทำ รับมือโลกรวน เน้นย้ำว่าเยาวชนต้องเป็นศูนย์กลางของการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในชีวิตประจำวันหรือการขับเคลื่อนเชิงนโยบายในระดับชุมชนและประเทศ

แคมเปญนี้ยังสะท้อนหลักการของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ทั้งด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (SDG 13 Climate Action) และการสร้างสถาบันที่เปิดกว้างและเป็นธรรม (SDG 16 Peace, Justice & Strong Institutions) เพราะหากไม่มีการรับฟังและเสริมพลังให้เยาวชน การแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศก็จะไม่ครอบคลุมทุกมิติของสังคม

เรื่องเล่าจากแนวหน้า

หนึ่งในจุดเด่นของแคมเปญ #CountMeIn คือการเล่าเรื่องจริงของเยาวชนผู้ลุกขึ้นสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนเอง

สิริกานต์ เส่งหล้า เยาวชนชาติพันธุ์ม้งจากจังหวัดเชียงใหม่
สิริกานต์ เส่งหล้า เยาวชนชาติพันธุ์ม้งจากจังหวัดเชียงใหม่

เริ่มที่ สิริกานต์ เส่งหล้า เยาวชนชาติพันธุ์ม้งจากจังหวัดเชียงใหม่ อายุ 18 ปี ผู้เคยประสบเหตุการณ์ดินถล่มครั้งใหญ่ที่ทำให้หมู่บ้านถูกตัดขาดจากอาหาร น้ำ และไฟฟ้านานหลายวัน “เป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ทุกครั้งที่ฝนตกหนัก หนูจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน กังวลและกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก แต่การได้เรียนรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้หนูมีความหวังมากขึ้น  หนูพยายามบอกเล่าความรู้นี้ให้คนในหมู่บ้านเข้าใจว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากเจ้าป่าเจ้าเขาลงโทษ แต่คือปัญหาสภาพอากาศที่เราต้องเตรียมรับมือร่วมกัน”

ปัณณ์พิตรา ภูธร สมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาเยาวชนของยูนิเซฟจากจังหวัดร้อยเอ็ด
ปัณณ์พิตรา ภูธร สมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาเยาวชนของยูนิเซฟจากจังหวัดร้อยเอ็ด

ปัณณ์พิตรา ภูธร อายุ 22 ปี หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาเยาวชนของยูนิเซฟจากจังหวัดร้อยเอ็ด ต้องเผชิญทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมที่ทำลายผลผลิตทางการเกษตรของครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก เธอต้องทำงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัวและเป็นทุนการศึกษาให้ตนเอง “ทุกคนมีส่วนในการปล่อยคาร์บอน สิ่งสำคัญคือการตระหนักว่าทุกการกระทำของเราส่งผลต่อโลก เราสามารถเลือกที่จะทำสิ่งที่ช่วยหรือทำร้ายโลกก็ได้ โลกไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์แบบ แต่ต้องการคนที่พร้อมลงมือทำ และหนูเลือกการใช้ซ้ำ โดยเริ่มจากเรื่องใกล้ตัว เช่น เสื้อผ้า”

ลูกสาวแห่งทะเล ไครียะห์ ระหมันยะ
ลูกสาวแห่งทะเล ไครียะห์ ระหมันยะ

ปิดท้ายด้วยเรื่องราวของลูกสาวแห่งทะเล ไครียะห์ ระหมันยะ อายุ 23 ปี ที่เคยเป็นข่าวดังจากการลุกขึ้นคัดค้านการทำลายชายฝั่งบ้านเกิดในจังหวัดสงขลาตั้งแต่วัยรุ่น “เคยมีคนบอกเราว่า ‘จุ้นจ้านน่ะ เป็นเด็กก็ไปตั้งใจเรียนไป’ เราได้แต่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรกลับไปต่อหน้า แต่พูดกับสาธารณะว่า ‘ถึงจะเป็นเด็ก แต่เราดื่มกินอยู่กับฐานทรัพยากรที่บ้าน หายใจอากาศบริสุทธิ์ เราเลยมีสิทธิที่จะปกป้อง’ มันคือหน้าที่ของทุกคนที่ต้องปกป้องอาหารปลอดภัยและอากาศบริสุทธิ์ โดยไม่ต้องแยกว่าควรเป็นใครทำ”

เรื่องเล่าเหล่านี้ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าเด็กและเยาวชนไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม สอดคล้องกับรายงาน “จากรุ่นสู่รุ่น ในโลกใบเดียวกัน และแคมเปญ #CountMeIn ที่ต่างเรียกร้องให้ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ร่วมกันสนับสนุนโครงการที่นำโดยเยาวชน ปกป้องนักปกป้องสิ่งแวดล้อมรุ่นใหม่ และสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย เปิดกว้าง และมีโครงสร้างชัดเจน เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการกำหนดนโยบายและการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ

“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือความท้าทายที่สำคัญที่สุดของยุคเรา หากเราอยากได้ทางออกที่ยั่งยืน เยาวชนต้องอยู่ในศูนย์กลางของการตัดสินใจ”

เลโอนาร์ดี กล่าวย้ำ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์