วันนี้ สมาคมดาราศาสตร์ไทย เผยเกิดพายุแม่เหล็กโลกรุนแรงระดับ G5 ในวัฏจักรสุริยะรอบปัจจุบัน พร้อมชี้ผลกระทบพายุแม่เหล็กโลกระดับ G5 ทำให้เกิดแสงเหนือแสงใต้ลามไปถึงระดับละติจูดแม่เหล็ก 40 องศา ระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าและระบบป้องกันเสียหายทั่ว ระบบสายส่งไฟฟ้าอาจล่มหรือ “ดับถาวร” หม้อแปลงไฟฟ้าอาจเสียหาย ยานอวกาศมีปัญหาจากประจุเข้มข้นที่สะสมที่ผิวยาน มีปัญหาด้านการสื่อสารและการควบคุมทิศ กระแสไฟฟ้าในท่อส่งน้ำอาจสูงหลายร้อยแอมแปร์ การกระจายสัญญาณความถี่สูงล้มเหลว


GISTDA ย้ำแรงกว่าที่คาด
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) เปิดเผยว่า วันนี้โลกเกิดพายุแม่เหล็กโลกระดับรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ส่วนประเทศไทยปลอดภัยดี เนื่องจากอยู่ในบริเวณละติจูดต่ำ
สำหรับพายุแม่เหล็กโลกครั้งนี้แรงทะลุคาดการณ์และทวีกำลังขึ้นสู่ระดับ G5 (Severe Geomagnetic Storm) สูงกว่าที่คาดไว้ (G2) หลังดวงอาทิตย์ปลดปล่อยมวลพลังงานหลายครั้งติดต่อกัน ซึ่งผลกระทบระดับโลก คือการมองเห็นแสงเหนือ (Aurora Borealis) ลามจากแคนาดา–สหรัฐฯ ตอนเหนือ จนถึงรัฐเท็กซัส อลาบามา จอร์เจีย และฟลอริดาตอนเหนือ
ทั้งนี้ โลกกำลังเผชิญพายุแม่เหล็กโลกระดับรุนแรงมาก จากการปลดปล่อยมวลจากดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection: CME) หลายครั้งติดต่อกัน โดยพลังงานเหล่านี้ได้เดินทางถึงโลกและปะทะกับสนามแม่เหล็ก ทำให้ค่าความปั่นป่วนทางแม่เหล็กไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน

NOAA ยืนยันพายุสุริยะลูกนี้แรงสุดในวัฏจักรสุริยะปัจจุบัน
ด้านศูนย์พยากรณ์สภาพอวกาศ (NOAA SWPC) รายงานว่า CMEs หลายชุดจากจุดมืดบนดวงอาทิตย์ที่มีพลังสูง กำลังพัดเข้าชนโลกติดต่อกัน และอาจทำให้พายุแม่เหล็กโลกคงระดับรุนแรงไปจนถึงกลางสัปดาห์ โดย NOAA เตือนว่า พายุแม่เหล็กโลกในระดับ G4 (ณ ตอนประกาศครั้งแรก) มีแนวโน้มสร้างความผิดปกติในระบบเทคโนโลยีได้ เช่น
- ปัญหาแรงดันไฟฟ้าในระบบสายส่งขนาดใหญ่
- ความคลาดเคลื่อนของสัญญาณ GPS และการนำทางของเครื่องบิน
- การสื่อสารดาวเทียมและวิทยุคลื่นสั้นอาจขัดข้องเป็นระยะ

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับระดับความรุนแรงของพายุแม่เหล็กโลก
G1-G5 หมายถึง ระดับความรุนแรงของพายุสนามแม่เหล็กโลก (Geomagnetic Storm) ซึ่งเกิดจากการที่มวลสารและรังสีจากดวงอาทิตย์ (เช่น การปล่อยมวลโคโรนา หรือ CME) พุ่งเข้าปะทะและรบกวนสนามแม่เหล็กของโลก ระบบการแบ่งระดับความรุนแรงของพายุสนามแม่เหล็กโลกที่ใช้กันทั่วไป (NOAA G-Scale) แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้
G1 (Minor - เล็กน้อย)
ผลกระทบ: อาจมีผลกระทบเล็กน้อยต่อระบบไฟฟ้าในระดับสูง (ใกล้ขั้วโลก) หรืออาจทำให้เกิดการเบี่ยงเบนเล็กน้อยของดาวเทียม
ปรากฏการณ์: สามารถเห็นแสงออโรรา (แสงเหนือ-แสงใต้) ได้ในละติจูดกลาง
G2 (Moderate - ปานกลาง)
ผลกระทบ: อาจต้องมีการปรับแรงดันไฟฟ้าในระบบไฟฟ้าบ้างเป็นครั้งคราว, อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของ ดาวเทียม (เช่น ระบบควบคุมทิศทาง) อาจเกิดสัญญาณรบกวน วิทยุคลื่นความถี่สูง (HF) ในละติจูดสูงได้
ปรากฏการณ์: แสงออโรราลงมาถึงละติจูดต่ำลงได้
G3 (Strong - รุนแรง)
ผลกระทบ: อาจเกิดความผิดปรกติของแรงดันไฟฟ้าในระบบส่งไฟฟ้า แต่ยังสามารถควบคุมได้, ดาวเทียมอาจเกิดการสะสมประจุที่ชิ้นส่วนและมีปัญหาในการควบคุมทิศทาง อาจมีปัญหาการกระจายสัญญาณ วิทยุความถี่ต่ำเป็นระยะ และอาจมีผลต่อความแม่นยำของสัญญาณ GNSS
ปรากฏการณ์: แสงออโรราลงไปถึงละติจูดแม่เหล็กที่ 50 องศา
ระดับที่รุนแรงกว่า (G4 และ G5)
G4 (Severe - รุนแรงมาก): มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายในพื้นที่กว้างของระบบไฟฟ้า และมีปัญหาการสื่อสารกับดาวเทียมอย่างมาก
G5 (Extreme - รุนแรงที่สุด): เป็นระดับที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อระบบไฟฟ้าและเทคโนโลยีในเขตละติจูดสูง เหตุการณ์ที่รู้จักกันดีคือ Carrington Event ในปี ค.ศ. 1859
ปรากฏการณ์แสงออโรรา
สำหรับประชาชนทั่วไป พายุแม่เหล็กครั้งนี้ “ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ” แต่ควรเฝ้าระวังผลกระทบต่อระบบเทคโนโลยีที่พึ่งพาดาวเทียมและไฟฟ้าในวงกว้าง ส่วนผลที่เกิดขึ้นคือปรากฏการณ์ท้องฟ้าที่สวยงาม โดยการมองเห็นแสงออโรรา (Aurora Borealis) ไกลถึงตอนใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เฉพาะในพายุแม่เหล็กระดับรุนแรงมาก (G4–G5) เท่านั้น เพราะแสงออโรรามักจำกัดอยู่บริเวณละติจูดสูงใกล้ขั้วโลก
โดยแสงเหนือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีทั้งสีเขียว แดง และม่วง จากการที่อนุภาคพลังงานสูงของลมสุริยะชนกับโมเลกุลของไนโตรเจนและออกซิเจนในชั้นบรรยากาศโลก ทำให้ปลดปล่อยแสงเรืองอร่ามเคลื่อนไหวเหมือนม่านพลิ้วบนท้องฟ้า ปรากฏการณ์นี้สะท้อนพลังงานจากดวงอาทิตย์ในระดับสูงสุดของวัฏจักรสุริยะ และยังคงมีโอกาสเกิดแสงออโรราได้อีกในช่วงกลางสัปดาห์นี้ หากพายุยังคงมีความรุนแรง
NOAA ระบุเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนว่า “แม้เทคโนโลยีของมนุษย์จะก้าวหน้าเพียงใด แต่ดวงอาทิตย์ยังคงเป็นพลังแห่งธรรมชาติที่ควบคุมระบบของเราได้เสมอ”
หน่วยงานทั่วโลกเฝ้าระวัง–ประชาชนติดตามได้จากช่องทางทางการ
หน่วยงานด้านอวกาศทั่วโลก รวมถึง GISTDA และ สมาคมดาราศาสตร์ไทย แนะนำให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ละติจูดสูงถึงกลางของซีกโลกเหนือ เช่น สหรัฐฯ ยุโรปตอนเหนือ ญี่ปุ่น หรือรัสเซีย มีโอกาสเห็นแสงออโรราในช่วงคืนนี้และวันพรุ่งนี้ หากท้องฟ้าเปิดและไม่มีเมฆปกคลุม
พายุแม่เหล็กโลกระดับรุนแรงมากที่เกิดขึ้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์อวกาศที่ทรงพลังที่สุดในรอบหลายปี และเป็นอีกครั้งที่มนุษย์ทั่วโลกได้เห็น “พลังของดวงอาทิตย์” อย่างใกล้ชิด แม้ไม่กระทบต่อชีวิตโดยตรง แต่สะท้อนให้เห็นว่าโลกของเรายังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของสุริยะจักรวาลอย่างแท้จริง



