เครื่องบินดับเพลิงแคนาแดร์กลับบูมอีกครั้ง หลังความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่เผชิญฤดูไฟป่าที่ยาวนานและรุนแรงขึ้นจากผลกระทบของภาวะโลกร้อน
บริษัท De Havilland Canada เผยความต้องการจากยุโรปเพิ่มสูงขึ้น จนต้องประกาศกลับมาผลิตเครื่องบินดับเพลิงสะเทินน้ำสะเทินบก “แคนาแดร์” อีกครั้ง หลังจากหยุดการผลิตไปนานถึง 9 ปี
โดยในงาน Paris Air Show กลุ่มประเทศยุโรป 6 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี กรีซ สเปน โครเอเชีย และโปรตุเกส ได้ลงนามสั่งซื้อเครื่องบินแคนาแดร์รุ่นใหม่รวม 22 ลำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติจากไฟป่าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกปี
“เครื่องบินเริ่มเก่าลง ฤดูร้อนร้อนมากขึ้น ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น นั่นคือเหตุผลที่เรานำเครื่องบินกลับมาผลิตใหม่”
— Neil Sweeney รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรของ De Havilland ระบุ

เครื่องบินดับเพลิงที่ออกแบบมาเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ
เครื่องบินแคนาแดร์ ถือเป็นเครื่องบินลำแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อภารกิจดับไฟป่าโดยเฉพาะ โดยเปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ซึ่งแตกต่างจากเครื่องบินอื่นๆ ที่ต้องผ่านการดัดแปลงก่อนนำมาใช้ในงานดับเพลิงทางอากาศ ปัจจุบันมีเครื่องบินแคนาแดร์ประมาณ 160 ลำประจำการอยู่ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มที่รัฐบาลหลายประเทศเริ่มใช้งานเครื่องบินร่วมกัน ทำให้ยอดสั่งซื้อใหม่ลดลง จนนำไปสู่การหยุดการผลิตโดยบริษัท Bombardier ในปี 2015 ก่อนที่ De Havilland จะเข้ามารื้อสายการผลิตใหม่ในปีนี้
กลยุทธ์การผลิตที่รวดเร็วแต่ยังคงคุณภาพเดิม
แทนที่จะพัฒนาเครื่องบินรุ่นใหม่ทั้งหมด บริษัทตัดสินใจคงโครงสร้างหลักของแคนาแดร์ไว้ และปรับปรุงเฉพาะระบบภายใน เช่น ห้องนักบินและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถกลับเข้าสู่สายการผลิตได้รวดเร็วและตอบสนองต่อความต้องการฉุกเฉินได้ทันเวลา
“กลยุทธ์ของเราคือการรักษาองค์ประกอบที่ทำให้เครื่องบินประสบความสำเร็จไว้เหมือนเดิม”
— Jean-Philippe Cote รองประธานฝ่ายการปรับปรุงธุรกิจ
แม้จะมีการปรับปรุง แต่เครื่องบินแต่ละลำยังต้องประกอบด้วยมือจากชิ้นส่วนกว่า 50,000 ชิ้น ทำให้การผลิตแคนาแดร์ 250-350 ลำตามแผนอาจต้องใช้เวลานานถึง 10 ปี

ประสิทธิภาพเหนือชั้นดับไฟได้ทุก 2 นาที
แคนาแดร์ได้รับฉายาจากนักบินว่า “รถแทรกเตอร์แห่งท้องฟ้า” ด้วยขีดความสามารถที่เหนือชั้นในการปฏิบัติภารกิจดับไฟ เครื่องบินติดตั้งระบบตักน้ำแบบไฮดรอลิกใต้ลำตัวจำนวน 2 ตัว ซึ่งสามารถดูดน้ำได้ถึง 6,000 ลิตรภายในเวลาเพียง 12 วินาที โดยไม่จำเป็นต้องลงจอด
หากแหล่งน้ำอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดไฟป่า แคนาแดร์สามารถ วนกลับมาปล่อยน้ำได้ทุก ๆ 2 นาที ซึ่งเป็นความถี่ที่มากกว่าเครื่องบินดับเพลิงทั่วไปหลายเท่า
“เราจะไม่มีแคนาแดร์เพียงพอเลย”
— Pierre Boulanger นักบินดับเพลิงจากควิเบกที่ร่วมปฏิบัติภารกิจในแคลิฟอร์เนีย ระบุ
“ไฟป่า” สัญญาณจากโลกร้อน
การกลับมาของเครื่องบินแคนาแดร์ กำลังสะท้อนแนวโน้มด้านอุตสาหกรรมการบิน และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า โลกกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม
ฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้น อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น และความแห้งแล้งที่รุนแรง ล้วนเป็นผลโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ไฟป่ากลายเป็น ภัยธรรมชาติที่เกิดถี่และควบคุมได้ยากขึ้นทุกปี ประเทศที่เคยไม่เผชิญปัญหาไฟป่าก็เริ่มประสบเหตุการณ์ร้ายแรง ขณะที่พื้นที่ที่เคยเกิดไฟป่าอยู่แล้ว ก็เผชิญไฟที่ลุกลามเร็วและครอบคลุมวงกว้างกว่าเดิม
การผลิตเครื่องบินแคนาแดร์ในยุคนี้จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มช่องว่างของตลาด แต่เป็นการยอมรับความจริงที่ว่า เราอยู่ในยุคที่ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภูมิภาค
แคนาแดร์จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือแห่งความหวัง ทว่า ความหวังเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากมนุษยชาติยังไม่เร่งลดการปล่อยคาร์บอน และฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างจริงจัง
เมื่อเครื่องบินที่ออกแบบมาเมื่อ 60 ปีก่อนยังเป็นอาวุธหลักในการรับมือกับโลกที่เปลี่ยนไป บางทีเราควรถามตัวเองว่า...เราทำมากพอเพื่อหยุดไฟพวกนั้นแล้วหรือยัง?