นักวิจัยชี้โลกร้อนลามถึงขั้วโลกใต้ หลังพบน้ำแข็งทะเลแอนตาร์กติกาต่ำมากในรอบ 47 ปี

1 ต.ค. 2568 - 02:04

  • น้ำแข็งทะเลแอนตาร์กติกาถึงจุดสูงสุดเพียง 17.81 ล้านตารางกิโลเมตร ต่ำสุดเป็นอันดับ 3 นับรอบ 47 ปีของการบันทึกข้อมูลดาวเทียม

  • นักวิทยาศาสตร์เชื่อความร้อนจากมหาสมุทรโลกส่งผลกระทบโดยตรงต่อขั้วโลกใต้

นักวิจัยชี้โลกร้อนลามถึงขั้วโลกใต้ หลังพบน้ำแข็งทะเลแอนตาร์กติกาต่ำมากในรอบ 47 ปี

ศูนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะแห่งชาติของสหรัฐ (US National Snow and Ice Data Center หรือ NSIDC) ณ มหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ เผยผลการติดตามพบว่า ปีนี้น้ำแข็งทะเลถึงจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ขนาดประมาณ 17.81 ล้านตารางกิโลเมตร (หรือ 6.88 ล้านตารางไมล์) ซึ่งจัดเป็นค่า "ต่ำสุด" อันดับ 3 ในประวัติศาสตร์การบันทึกข้อมูล 47 ปี

นักวิจัยเปิดเผยว่า พื้นที่น้ำแข็งทะเลของแอนตาร์กติกในช่วงฤดูหนาวแตะระดับต่ำมากในรอบเกือบครึ่งศตวรรษที่มีการเฝ้าติดตามผ่านดาวเทียม โดลยกำลังสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อขั้วโลกใต้

สำหรับปีนี้ นอกจากการน้ำแข็งทะเลแอนตาร์กติกาต่ำมากในรอบ 47 ปี แล้วยังพบการแตกตัวของ A23a สัญญาณเตือนว่าอุณหภูมิโลกกำลังเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อระบบนิเวศแอนตาร์กติกาอย่างชัดเจน พร้อมกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบมหาสมุทร ระบบชีวภาพ และระดับน้ำทะเล

A23a แตกตัวอีกครั้ง วิกฤตน้ำแข็งยักษ์กลางแอนตาร์กติกา สัญญาณเตือนจากขั้วโลก
A23a แตกตัวอีกครั้ง วิกฤตน้ำแข็งยักษ์กลางแอนตาร์กติกา สัญญาณเตือนจากขั้วโลก

ฤดูหนาวของซีกโลกใต้ กับวงจรน้ำแข็งประจำปี

ในแต่ละปี เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวของซีกโลกใต้ มหาสมุทรรอบทวีปแอนตาร์กติกาจะกลายเป็นน้ำแข็ง โดยพื้นที่ที่กลายเป็นน้ำแข็งจะขยายตัวออกไปหลายร้อยไมล์จากชายฝั่งของทวีป ซึ่งจุดสูงสุดของการก่อตัวของน้ำแข็งมักเกิดขึ้นในเดือนกันยายน หรือเดือนตุลาคม ก่อนที่วงจรละลายน้ำแข็งจะเริ่มต้นขึ้น

แนวโน้มการลดลงของน้ำแข็งทะเล

ข้อมูลดังกล่าวติดตามหลังจากปี 2023 ที่มีค่าต่ำสุดตลอดกาล และปี 2024 ที่เป็นอันดับสองต่ำ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าวิตกในช่วงสามปีที่ผ่านมา ปกติแล้วในฤดูหนาวของซีกโลกใต้ มหาสมุทรรอบแอนตาร์กติกาจะเยือกแข็งขยายออกไปนับร้อยไมล์จากทวีป โดยค่าสูงสุดมักเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคม

เท็ด สแคมบอส นักวิจัยอาวุโสประจำมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ ระบุว่า ก่อนปี 2016 การวัดน้ำแข็งทะเลแอนตาร์กติกาแสดงการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแม้จะผันแปรไม่แน่นอน แต่ปัจจุบันความร้อนจากมหาสมุทรโลกได้แทรกซึมเข้าสู่น้ำใกล้แอนตาร์กติกาแล้ว

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การหลอมละลายของน้ำแข็งทะเลแม้จะไม่ส่งผลต่อระดับน้ำทะเลโดยตรง แต่กลับสร้างผลกระทบสำคัญในรูปแบบอื่น เมื่อพื้นผิวสีขาวที่สะท้อนพลังงานแสงอาทิตย์เกือบทั้งหมดกลับคืนสู่อวกาศถูกแทนที่ด้วยน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มที่ดูดซับพลังงานแทน

น้ำแข็งทะเลยังทำหน้าที่เป็นแหล่งกักเก็บช่วยปกป้องแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาจากการไหลลงสู่มหาสมุทร ลดผลกระทบจากคลื่นก่อนถึงชายฝั่งและลดอิทธิพลของลมเหนือมหาสมุทร หากแผ่นน้ำแข็งบนบกแอนตาร์กติกาละลายทั้งหมด สามารถยกระดับน้ำทะเลสูงพอท่วมชายฝั่งต่ำทั่วโลก

นักวิจัยชี้ โลกร้อนแผ่พลังถึงขั้วโลกใต้แล้ว

“จนถึงปี 2016 การวัดระดับน้ำแข็งทะเลในแอนตาร์กติกยังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ ‘ผันผวนแต่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น’ เมื่อเวลาผ่านไป”

เท็ด สแคมบอส นักวิทยาศาสตร์อาวุโสประจำมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ ระบุ

แต่ตอนนี้สิ่งที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นคือ ความร้อนจากมหาสมุทรทั่วโลกกำลังแทรกซึมเข้าสู่น่านน้ำที่อยู่ใกล้กับแอนตาร์กติกมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เริ่มส่งผลต่อทะเลน้ำแข็งของขั้วโลกใต้แล้วในที่สุด

ในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ สแคมบอสชี้ให้เห็นถึงผลกระทบขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น การที่อากาศชื้นเข้าใกล้ชายฝั่งมากขึ้นอาจทำให้เกิดหิมะตกมากขึ้นในแอนตาร์กติกา ซึ่งอาจชดเชยการสูญเสียน้ำแข็งได้ในระยะสั้น แต่เมื่อพิจารณาบันทึกในอดีต เมื่อสภาพอากาศอุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง แผ่นน้ำแข็งจะหดตัวลง

มหาสมุทรดูดซับความร้อนถึงร้อยละ 90 จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมนุษย์ สะท้อนให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง ภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงในแอนตาร์กติกาอย่างชัดเจน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์