กรุงเทพมหานคร เริ่มต้นวันแรกของการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมครั้งสำคัญ ด้วยการประกาศใช้ค่าธรรมเนียมการจัดการขยะอัตราใหม่อย่างเป็นทางการในวันนี้ (1 ตุลาคม 2568) ภายใต้ข้อบัญญัติใหม่ที่มีผลบังคับใช้ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนปรับพฤติกรรมแยกขยะจากต้นทาง และลดภาระการจัดการขยะในระยะยาว โดยมีโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” เป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ต.ค. 2568) ถือเป็นวันแรกแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของคนกรุงเทพฯ คือการที่กรุงเทพมหานครจะเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะอัตราใหม่ ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2568 ที่มีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขยะ
โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่ม 1 (บ้านเรือนทั่วไป) ที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขยะ จากเดิมเดือนละ 20 บาท เป็นเดือนละ 60 บาท
- กลุ่ม 2 (ร้านค้า ผู้ประกอบการ) ที่มีปริมาณขยะเกิน 20 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขยะ จากเดิมหน่วยละ 40 บาท เป็นหน่วยละ 120 บาทต่อเดือน
- กลุ่ม 3 (อาคารพักอาศัยรวม ผู้ประกอบการ) ที่มีปริมาณขยะตั้งแต่ 1 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขยะ จากเดิมหน่วยละ 2,000 บาท เป็นหน่วยละ 8,000 บาทต่อเดือน
แม้อัตราใหม่จะดูเป็นภาระเพิ่ม แต่ในทางกลับกัน กทม. เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายของตนเองได้ผ่านพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 732,722 หลังคาเรือน แบ่งเป็นผู้ลงทะเบียนแบบเดี่ยว (บ้านพักอาศัย) จำนวน 289,331 หลังคาเรือน และผู้ลงทะเบียนแบบกลุ่ม (คอนโด หมู่บ้านจัดสรร ชุมชน แฟลต) จำนวน 3,148 แห่ง 443,391 หลังคาเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ย. 2568)
ทั้งนี้ การใช้สิทธิ์ส่วนลดต้องมีการส่งภาพหลักฐานการคัดแยกขยะ 4 ประเภท ตามรอบที่กำหนด หากไม่ส่งหรือส่งไม่ถูกต้อง ระบบจะมีการแจ้งเตือนขั้นตอนละ 3 ครั้ง และหากยังไม่ปฏิบัติตาม สิทธิ์ลดค่าธรรมเนียมจะถูกระงับเป็นเวลา 6 เดือน และต้องกลับไปจ่ายในอัตราปกติ
กทม. ยังได้พัฒนาระบบให้เชื่อมโยงพิกัดบ้านของผู้ลงทะเบียนกับเส้นทางการเก็บขยะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตาม ตรวจสอบ และให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาขยะตกค้างในชุมชน
มาตรการนี้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 11 (เมืองยั่งยืน) และ 12 (การบริโภคผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ) ที่เน้นการลดของเสีย การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” สามารถลงทะเบียนได้ตลอดเวลา ผ่าน 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ แอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY (ทั้งระบบ iOS และ Android), เว็บไซต์ BKK WASTE PAY ติดต่อสำนักงานเขตในพื้นที่ หรือผ่านเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียมประจำเขต
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือประสงค์ขอข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร หรือสายด่วนที่หมายเลข 09 9436 1036 และ 0 2203 2928 ในวันและเวลาราชการ
