เจอ ‘ฝน 5,000 ปี’ กระหน่ำยังรอดสบาย! เพราะออสเตรียทุ่มงบกับระบบป้องกันน้ำท่วม

25 พ.ย. 2568 - 09:20

  • ระบบป้องกันน้ำท่วมของเวียนนาคือ เกาะเทียม (เกาะดานูบ) และช่องทางควบคุมน้ำท่วม (แม่น้ำดานูบใหม่) ทั้งสองอย่างนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงทศวรรษ 1970

  • ระบบป้องกันน้ำท่วมของเวียนนาได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการระบายน้ำท่วมเทียบเท่ากับ “ฝน 5,000 ปี”

  • การรับมือน้ำท่วมของเวียนนาเป็นบทเรียนอย่างดีให้กับเมืองหรือประเทศอื่นๆ ที่ต้องรับมือกับสภาพอากาศสุดขั้ว

เจอ ‘ฝน 5,000 ปี’ กระหน่ำยังรอดสบาย! เพราะออสเตรียทุ่มงบกับระบบป้องกันน้ำท่วม

ปีที่แล้วกรุงเวียนนาของออสเตรียต้องเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่จาก “ฝน 5,000 ปี” ในช่วงเวลาที่ยุโรปเกิดน้ำท่วมบ่อยที่สุดในรอบ 500 ปี แต่กลับรอดพ้นจากอุทกภัยครั้งนั้นโดยไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากทางการเตรียมรับมือล่วงหน้ามาหลายสิบปี ซึ่งเป็นกรณีศึกษาให้เมืองอื่นๆ ที่ต้องรับมือน้ำท่วมได้อย่างดี

พายุบอริสทำให้เกิดฝนตกหนักจนปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาทำลายสถิติเดิม ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมถนนหลายสายในกรุงเวียนนา และมีผู้คนจำนวนหนึ่งต้องอพยพออกจากบ้านเรือน แม่น้ำลำคลองที่เคยไหลเอื่อยกลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก เนื่องจากในระยะเวลาเพียง 5 วัน มีฝนตกลงมาในกรุงเวียนนาและบางส่วนของออสเตรียมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติตามฤดูกาล 2-5 เท่า

แต่เวียนนารอดจากน้ำท่วมมาได้แบบสบายๆ มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียง 10 คน และ 15 ครัวเรือนต้องอพยพ เพราะระบบจัดการน้ำอันชาญฉลาดสามารถต้านมวลน้ำมหาศาลไว้ได้

เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งก่อนๆ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายุทธศาสตร์การป้องกันที่เวียนนาและออสเตรียใช้ทั่วไปมีประสิทธิภาพและเป็นบทเรียนอย่างดีให้กับเมืองหรือประเทศอื่นๆ ที่ต้องรับมือกับสภาพอากาศสุดขั้ว

กึนเทอร์ บลอสเชิล (Günter Blöschl) นักอุทกวิทยาและประธานศูนย์ระบบทรัพยากรน้ำของมหาวิทยาลัยเทคนิคเวียนนา ที่ช่วยวางยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจากน้ำท่วมของออสเตรียเผยกับสำนักข่าว BBC ว่า ออสเตรียลงทุนกับการบริหารจัดการน้ำมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา หลังประสบน้ำท่วมครั้งใหญ่มาแล้ว 2 ครั้งในปี 2002และ 2013

ระบบป้องกันน้ำท่วมของเวียนนาได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการระบายน้ำท่วม 14,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือเทียบเท่ากับ “ฝน 5,000 ปี” ซึ่งเคยเกิดครั้งสุดท้ายในออสเตรียเมื่อปี 1501 แต่เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อกลางปีที่แล้วมีน้ำไหลผ่านทางน้ำของเวียนนา 10,000 คิวบิกเมตรต่อวินาที ซึ่งต่ำกว่าความสามารถในการรองรับของระบบที่อยู่ที่ 14,000 คิวบิกเมตร และหากไม่มีระบบนี้จะเกิดน้ำท่วมในวงกว้าง

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของระบบป้องกันน้ำท่วมของเวียนนาคือ เกาะเทียม (เกาะดานูบ) และช่องทางควบคุมน้ำท่วม (แม่น้ำดานูบใหม่) ทั้งสองอย่างนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงทศวรรษ 1970 เพื่อรับมือน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 1954 ที่ระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่รับไม่ไหว

แม่น้ำดานูบใหม่มักจะอยู่ใกล้ทำนบ ทำให้เกิดเป็นทะเลสาบ โดยทำนบจะถูกเปิดก่อนที่มวลน้ำจะมา ช่องทางรับน้ำนี้จะรองรับน้ำ 3 หรือ 4 วัน เพื่อบรรเทาแม่น้ำสายหลักของเวียนนา

ผู้คนถ่ายภาพน้ำในคลองดานูบที่ล้นตลิ่งในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2024 (Photo by Alex HALADA / AFP)
ผู้คนถ่ายภาพน้ำในคลองดานูบที่ล้นตลิ่งในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2024 (Photo by Alex HALADA / AFP)

ระบบป้องกันนี้ถูกทดสอบครั้งใหญ่เมื่อปี 2013 เมื่อลุ่มน้ำดานูบตอนบนเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา มวลน้ำจากแม่น้ำดานูบไหลมาถึงเวียนนาราว 11,000 คิวบิกเมตรต่อวินาที แต่สามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายครั้งใหญ่ได้เนื่องจากระบบป้องกันน้ำท่วมของเมือง บ้านเรือนในกรุงเวียนนาไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่หลังเดียว เมื่อเทียบกับ 400,000 หลังทั่วออสเตรีย

อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่าระบบป้องกันน้ำท่วมจะยับยั้งน้ำท่วมได้ทั้งหมด ช่วงที่น้ำท่วมใหญ่ครั้งหนึ่ง แม่น้ำเวียนฟลัสซึ่งเป็นแม่น้ำสายเล็กกว่าในเวียนนาเอ่อล้นและไหลท่วมรางรถไฟใต้ดิน จนการขนส่งสาธารณะหยุดชะงัก

พนักงานของบริษัทขนส่งสาธารณะ Wiener Linien กำลังทำความสะอาดเศษซากที่ร่วงหล่นจากรางรถไฟใต้ดิน U4 ซึ่งวิ่งเลียบแม่น้ำเวียนนา (Photo by Joe Klamar / AFP)
พนักงานของบริษัทขนส่งสาธารณะ Wiener Linien กำลังทำความสะอาดเศษซากที่ร่วงหล่นจากรางรถไฟใต้ดิน U4 ซึ่งวิ่งเลียบแม่น้ำเวียนนา (Photo by Joe Klamar / AFP)

ออสเตรียเองก็ยกระดับการป้องกันน้ำท่วมทั่วประเทศ ด้วยการทุ่มงบประมาณปีละราว 60 ล้านยูโร (ราว 2,235 ล้านบาท) สำหรับมาตรการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ของรัฐบาลพบว่า ช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วมได้จริง

มาตรการป้องกันน้ำท่วมเหล่านั้นรวมถึงการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินเป็นประจำ เช่น การสร้างกำแพงเคลื่อนที่เพื่อกั้นน้ำจำนวนมาก และระบบพยากรณ์ที่ซับซ้อนและแม่นยำยิ่งขึ้น

การประเมินอย่างเป็นทางการของออสเตรียพบว่า น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2002 สร้างความเสียหายทั่วประเทศ 3,000 ล้านยูโร ส่วนปี 2013 ที่ท่วมหนักกว่าพบว่าความเสียหายน้อยกว่ามาก (ราว 866 ล้านยูโร) เนื่องจากมีมาตรการป้องกันน้ำท่วมช่วยบรรเทา

“ความเสียหายที่เราเลี่ยงได้สูงกว่าการลงทุนป้องกันน้ำท่วมมาก นี่คือความสำเร็จ”

บลอสเชิล นักอุทกวิทยา

อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการน้ำปริมาณมหาศาลช่วงน้ำท่วมใหญ่ขนาดนั้นเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากปัจจุบันนี้มีที่ราบน้ำท่วมถึงน้อยลง จึงไม่มีที่ให้มวลน้ำขยายตัวโดยไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ที่ราบน้ำท่วมถึงซึ่งปกติไม่มีผู้อยู่อาศัย เพราะมักจะอยู่ตามริมน้ำและเสี่ยงน้ำท่วม ถูกแทนที่ด้วยเมืองและพื้นที่เกษตรกรรม เมื่อไม่มีพื้นที่รองรับน้ำและฝนตกหนักขึ้น มวลน้ำเหล่านี้จึงไหลลงสู่แม่น้ำดานูบในเวียนนา เมื่อมีน้ำไหลเข้าสู่เมืองมากขึ้น แม่น้ำก็จะท่วมมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะล้นออกไปแม้ว่าจะมีการควบคุมด้วยก็ตาม

‘เขื่อน’ ไม่เท่ากับ ‘ความปลอดภัย’

แม้ว่าเขื่อน พนังกั้นน้ำ และที่กั้นน้ำอื่นๆ จะช่วยปกป้องประชาชนด้วยการรองรับน้ำช่วงที่น้ำท่วม แต่การศึกษาวิจัยพบว่า สิ่งกีดขวางเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงโดยรวมในระยะยาว เนื่องจากทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าปลอดภัย ทำให้พวกเขาย้ายไปอาศัยอยู่ใกล้ทางน้ำมากขึ้น และประเมินความเสี่ยงน้ำท่วมต่ำเกินไป หรือที่เรียกว่า “ปฏิกิริยาพนังกั้นน้ำ” ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจทำให้พวกเขาไม่มีการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน

ตัวอย่างกรณีสหรัฐฯ การศึกษาพบว่า การสร้างพนังกั้นน้ำเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของการขยายตัวของเมืองในพื้นที่ลุ่มน้ำท่วมถึง 62% ซึ่งชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในการรับรู้ความเสี่ยงหลังจากสร้างพนังกั้นน้ำแล้ว แต่การออกกฎสามารถลดการย้ายถิ่นฐานไปยังที่ราบน้ำท่วมถึง

อย่างไรก็ดี บลอสเชิลเผยว่า การห้ามไม่ให้ผู้คนย้ายไปตั้งถิ่นฐานใกล้แม่น้ำเป็นเรื่องยาก เนื่องจากน้ำท่วมไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย และพื้นที่ริมแม่น้ำและที่ราบลุ่มแม่น้ำอาจเป็นพื้นที่ตั้งถิ่นฐานที่น่าดึงดูด

นอกจากนี้ งานวิจัยยังชี้ว่า จริงๆ แล้วผู้คนมักจะมีความทรงจำสั้นเกี่ยวกับความเสี่ยงน้ำท่วม เรามักจะตระหนักรู้ถึงอันตรายและวิธีรับมือเมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่หลังจากนั้นความตระหนักรู้ที่ว่ากลับลดลงอย่างรวดเร็ว

บลอสเชิลบอกอีกว่า การพยากรณ์ที่แม่นยำและการซ้อมรับมือน้ำท่วมช่วยได้มาก โดยยกตัวอย่างว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ฝึกซ้อมวิธีการติดตั้งกำแพงเคลื่อนที่เพื่อกั้นน้ำท่วม “ถ้าวิธีนี้ไม่สำเร็จตามแผน คุณจะติดตั้งไม่ทันก่อนที่น้ำจะมา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อาจผิดพลาดได้ อาจมีบางส่วนที่หายไป และถ้ามีช่องว่างแม้เพียงเล็กน้อย น้ำก็ไหลผ่านได้ ดังนั้นคุณต้องฝึกซ้อม”

ฝนตกหนักในกรุงเวียนนาเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2024 (Photo by Joe Klamar / AFP)
ฝนตกหนักในกรุงเวียนนาเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2024 (Photo by Joe Klamar / AFP)

ฝนหนักขึ้น น้ำท่วมมากขึ้น

การเตรียมพร้อมเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้พายุฝนหนักขึ้นและน้ำท่วมมากขึ้น สาเหตุหนึ่งคือ อากาศที่อุ่นขึ้นจะกักเก็บความชื้นและพลังงานไว้มากขึ้น ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดพายุรุนแรง

มีหลักฐานอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่า ภาวะโลกร้อนเช่นนี้กำลังทำให้เกิดพายุรุนแรงขึ้น การศึกษาหนึ่งพบว่า คลื่นความร้อนในทะเลที่ทำลายสถิติและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้พายุมีกำลังรุนแรงเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในเดือนสิงหาคม 2022

มาริโอ มาร์เซลโล มิเลียตตา ผู้อำนวยการวิจัยที่สถาบันวิทยาศาสตร์บรรยากาศและภูมิอากาศ (CNR-ISAC) ในปาดัว ประเทศอิตาลี กล่าวว่า “การศึกษาทั้งหมด (โดยอาศัยการจำลองเชิงตัวเลขหรือการวิเคราะห์ทางสถิติ) ดูเหมือนจะยืนยันว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอุ่นขึ้นของผิวน้ำทะเลเป็นสาเหตุที่ทำให้พายุเหล่านี้มีความรุนแรงมากขึ้น

Photo by ALEX HALADA / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์