ก่อนปิดฉากการประชุมสภาพภูมิอากาศโลก (COP30) ล่าสุด ประเทศออสเตรเลีย ได้ประกาศยุติศึกประชันการเป็นเจ้าภาพการประชุมสภาพภูมิอากาศในสมัยหน้า (COP31) หลังประเทศตุรกีปฏิเสธการถอนตัวจากการแข่งขัน ทำให้เกิดการตกลงที่ไม่เคยมีมาก่อน คือให้ "ตุรกี" เป็นเจ้าภาพจัดประชุม แต่ "ออสเตรเลีย" เป็นผู้นำการเจรจา
คริส โบเวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสภาพภูมิอากาศของออสเตรเลีย กล่าวอย่างผิดหวังในบราซิลระหว่างการประชุมสภาพภูมิอากาศปีนี้ว่า "แน่นอนว่าจะดีมาก หากออสเตรเลียได้ทุกอย่าง แต่เราไม่ได้ทุกอย่างหรอก" ขณะที่การรณรงค์อันยาวนานของออสเตรเลียเพื่อนำ COP31 มาจัดที่แอดิเลดได้สิ้นสุดลง
การต่อสู้ทางการทูต
เพียงสองวันก่อนหน้านี้ที่เมืองเบเลง คริส โบเวน ยังประกาศอย่างมั่นใจว่า "เราเข้าสู่สนามเพื่อชนะ" แต่แม้จะได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น ออสเตรเลียก็ไม่สามารถเอาชนะข้อจำกัดของระบบสหประชาชาติที่ต้องการฉันทามติในการได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพ
การปฏิเสธถอนตัวของตุรกีนำไปสู่การต่อสู้ที่เบเลง ทดสอบการยืนยันของบราซิลว่าความสามัคคีด้านสภาพภูมิอากาศโลกยังคงมีอยู่ หากไม่มีฝ่ายใดยอมถอย หรือไม่มีข้อตกลงอื่น COP31 จะตกเป็นของเยอรมนีโดยอัตโนมัติ เนื่องจากเป็นที่ตั้งสำนักงานองค์กรสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ

การชิงชัยเจ้าภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน
การแข่งขันเป็นเจ้าภาพ COP ที่เข้มข้นถึงขนาดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตุรกียืนกรานว่ามีข้อเสนอที่แข่งขันได้ แม้จะขาดการสนับสนุนเหมือนออสเตรเลียที่สัญญาจะร่วมเป็นเจ้าภาพกับประเทศเกาะแปซิฟิกที่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ภายใต้กฎของ COP หน้าที่เป็นเจ้าภาพจะหมุนเวียนผ่าน 5 ภูมิภาค และในปี 2026 ตกเป็นของกลุ่มยุโรปตะวันตกและรัฐอื่นๆ ซึ่งรวมประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ ทั้งตุรกี ออสเตรเลีย และแคนาดา
ผลลัพธ์และปฏิกิริยา
การประชุมเพื่อแก้ไขจุดอับจนเมื่อวันพฤหัสบดี นักการทูตตุรกียืนโดดเดี่ยวห่างจากตัวแทนอื่นๆ โดยทั้งสองกลุ่มเข้าห้องประชุมจากประตูคนละบาน
โจเคิน ฟลัสบาร์ธ เลขานุการรัฐกระทรวงสิ่งแวดล้อมเยอรมนี ที่เป็นประธานการประชุม บอกกับเอเอฟพีว่าข้อเสนอการร่วมเป็นเจ้าภาพเป็นเรื่องใหม่ และไม่มีการคัดค้าน
ไซมอน แบร็ดชอว์ จาก Greenpeace Australia Pacific กล่าวว่า "ไม่ว่าสถานที่หรือการจัดการจะเป็นอย่างไร ภารกิจยังคงเหมือนเดิม คือการยุติเชื้อเพลิงฟอสซิลและการตัดไม้ทำลายป่า" แต่อารมณ์ในภูมิภาคเกาะแปซิฟิกไม่ค่อยดี
ทางด้าน จัสติน คัชเทนโก รัฐมนตรีต่างประเทศปาปัวนิวกินี กล่าวว่า "เราทุกคนไม่พอใจ และผิดหวังที่ข้อสรุปต้องจบลงแบบนี้"


