A23a แตกตัวอีกครั้ง วิกฤตน้ำแข็งยักษ์กลางแอนตาร์กติกา สัญญาณเตือนจากขั้วโลก

5 ก.ย. 2568 - 03:37

  • การแตกตัวของ A23a กำลังเตือนว่าอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นส่งผลต่อระบบนิเวศแอนตาร์กติกาอย่างชัดเจน กระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบมหาสมุทร ระบบชีวภาพ และระดับน้ำทะเล

  • ส่องเส้นทางที่เรียกว่า “Iceberg Alley” ซึ่งเคยเป็นจุดสิ้นสุดของภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อื่นๆ เช่น A68 ในปี 2021 และ A76 ในปี 2023

A23a แตกตัวอีกครั้ง วิกฤตน้ำแข็งยักษ์กลางแอนตาร์กติกา สัญญาณเตือนจากขั้วโลก

ภูเขาน้ำแข็ง A23a ซึ่งเคยครองตำแหน่งใหญ่ที่สุดในโลก กำลังแตกตัวอย่างรวดเร็วในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ท่ามกลางอุณหภูมิน้ำทะเลที่อุ่นขึ้น นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าปรากฏการณ์นี้อาจเป็นสัญญาณอันตรายจากภาวะโลกร้อนที่เริ่มกระทบระบบนิเวศขั้วโลกอย่างรุนแรง

สำหรับภูเขาน้ำแข็ง A23a มีน้ำหนักเกือบ 1 ล้านล้านเมตริกตัน และครอบคลุมพื้นที่ถึง 3,672 ตารางกิโลเมตร (เทียบขนาดได้ใหญ่กว่ารัฐโรดไอแลนด์ของสหรัฐฯ) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ติดตาม A23a อย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ปี 1986 ซึ่งเป็นปีที่มันแยกตัวออกจากแนวน้ำแข็ง Filchner-Ronne ในทวีปแอนตาร์กติกา

A23a เคยติดค้างอยู่กับพื้นทะเลเวดเดลของแอนตาร์กติกามานานกว่า 30 ปี ก่อนที่ขนาดของมันจะเล็กลงมากพอจนหลุดออกจากก้นทะเล และถูกพัดพาออกไปตามกระแสน้ำในปี 2020 หลังจากนั้น A23a ไปติดอีกครั้งที่ Taylor column ซึ่งเป็นวงน้ำวนที่เกิดจากกระแสน้ำชนภูเขาใต้ทะเล และเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งในเดือนธันวาคมเมื่อปีที่ผ่านมา ต่อมาในเดือนมีนาคมปีนี้ A23a ก็ติดอีกครั้งบนชั้นทวีป ก่อนจะหลุดลอยอิสระในเดือนพฤษภาคม

ล่าสุด สถาบัน British Antarctic Survey (BAS) เปิดเผยว่าภูเขาน้ำแข็ง A23a ที่ถูกจับตามานานกว่า 40 ปี กำลังแตกออกเป็นชิ้นส่วนขนาดใหญ่หลายก้อน หลังเคลื่อนตัวผ่านเกาะเซาท์จอร์เจีย เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน A23a มีขนาดเหลือประมาณ 1,700 ตารางกิโลเมตร (เทียบเท่าขนาดของเขตมหานครลอนดอน) ซึ่งมีขนาดลดลงเกินครึ่งไปเรียบร้อยแล้ว

Iceberg Alley จุดสิ้นสุดของภูเขาน้ำแข็งยักษ์หลายแผ่น

ดร.แอนดรูว์ เมเยอร์ส นักสมุทรศาสตร์จาก BAS ระบุว่า ก้อนน้ำแข็งยักษ์นี้กำลังถูกพัดพาโดยกระแสน้ำ Antarctic Circumpolar Current ซึ่งเป็นกระแสน้ำแรงที่ไหลวนรอบทวีปแอนตาร์กติกา โดย A23a ได้ลอยผ่านเส้นทางที่เรียกว่า “Iceberg Alley” ซึ่งเคยเป็นจุดสิ้นสุดของภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อื่นๆ เช่น A68 ในปี 2021 และ A76 ในปี 2023

“การแตกตัวของ A23a อาจทำให้มันสูญเสียสถานะเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกในไม่ช้า จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่สัปดาห์ และในที่สุดอาจแตกเป็นชิ้นเล็กเกินกว่าจะติดตามได้ โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิของซีกโลกใต้ ซึ่งน้ำทะเลมีแนวโน้มอุ่นขึ้นต่อเนื่อง”

นักสมุทรศาสตร์จาก BAS กล่าว

ทั้งนี้ ภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยวัดได้คือ “B‑15” มีพื้นที่มากถึง 11,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งแตกตัวจาก Ross Ice Shelf เมื่อปี 2000 ส่วนปัจจุบันภูเขาน้ำแข็ง “D15a” ซึ่งมีพื้นที่ราว 3,000 ตารางกิโลเมตร ครองแชมป์ภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาสูญเสียน้ำแข็งไปรวมกันหลายล้านล้านตันในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกระบวนการละลายจากด้านล่าง และการแตกตัวเป็นภูเขาน้ำแข็ง
แผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาสูญเสียน้ำแข็งไปรวมกันหลายล้านล้านตันในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกระบวนการละลายจากด้านล่าง และการแตกตัวเป็นภูเขาน้ำแข็ง

ภัยเงียบจากการละลายของธารน้ำแข็ง

นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า แม้การแยกตัวของภูเขาน้ำแข็งจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่แนวโน้มที่เห็นในช่วงไม่กี่ทศวรรษหลังชี้ให้เห็นว่าอัตราการเกิดภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่และการละลายของน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาเพิ่มสูงขึ้น โดยมีความเชื่อมโยงกับอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลจาก BAS ระบุว่า แผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาสูญเสียน้ำแข็งไปรวมกันหลายล้านล้านตันในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกระบวนการละลายจากด้านล่าง และการแตกตัวเป็นภูเขาน้ำแข็ง

“นี่คือผลสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ การที่ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่หลุดลอยจากแนวน้ำแข็งและละลายเร็วขึ้นเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนักในอดีต”

นักสมุทรศาสตร์จาก BAS กล่าวเสริม

ผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล

นอกจากประเด็นเรื่องน้ำแข็งแล้ว การแตกตัวของภูเขาน้ำแข็งยักษ์ยังมีผลต่อระบบนิเวศโดยรอบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการปล่อยน้ำจืดเย็นปริมาณมหาศาลลงสู่มหาสมุทรในเวลาอันสั้น ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงความเค็ม ความหนาแน่น และอุณหภูมิของน้ำทะเล

นักวิทยาศาสตร์จากเรือสำรวจ RRS Sir David Attenborough ของ BAS ได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่ใกล้จุดที่ A23a เคยติดอยู่บริเวณชั้นทวีปใกล้เกาะเซาท์จอร์เจีย โดยได้เก็บตัวอย่างน้ำและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลกลับมาวิเคราะห์ในสหราชอาณาจักร

“การที่ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่มากลอยอยู่ใกล้ชายฝั่งสามารถส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในระดับจุลินทรีย์ ไปจนถึงระบบห่วงโซ่อาหารของสัตว์ทะเล รวมถึงสัตว์หายากที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นท้องทะเลลึก”

โฆษกของ BAS ระบุ

ความท้าทายด้านความยั่งยืนในอนาคต

กรณีของ A23a กลายเป็นกรณีศึกษาใหม่ของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อขั้วโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เปราะบางที่สุดในระบบนิเวศของโลก การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาแนวนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ

แม้จะยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าการเกิดภูเขาน้ำแข็งยักษ์เพิ่มขึ้นเป็นผลโดยตรงจากภาวะโลกร้อน แต่การที่แผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาสูญเสียน้ำแข็งอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ นักวิทยาศาสตร์หลายรายเตือนว่าหากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไปโดยไร้การควบคุม โลกอาจเผชิญกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในระดับที่ควบคุมไม่ได้

A23a คือภาพสะท้อนของโลกที่กำลังเปลี่ยนไปจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทั้งในระดับที่มองเห็นได้ และในระดับที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำ ขณะที่ภูเขาน้ำแข็งแตกตัวและไหลไปตามกระแสน้ำ นี่อาจเป็นเวลาที่มนุษยชาติควรหันกลับมามองถึงแนวทางการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ก่อนที่คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงจะมาถึงฝั่งในแบบที่ “ไม่มีวันย้อนกลับได้”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์