นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 4 หรือ Thailand Climate Action Conference: TCAC 2025 ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิด ร่วมพลิกวิกฤตโลกเดือด Inspiring Climate Solutions for All” เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เอกอัครราชทูต องค์กรระหว่างประเทศ ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วมการประชุม กว่า 2,000 คน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
รัฐบาลเร่งผลักดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ผ่านนโยบายระดับชาติ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การจัดงาน TCAC 2025 ในปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 โดยรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงการขับเคลื่อนร่วมกับทุกภาคส่วน เชื่อมโยงกับนานาชาติอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้บรรจุไว้ในนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ ในด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อ 12 เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง และข้อ 13 ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ การประชุม TCAC 2025 จึงเป็นเวทีสำคัญที่จะแสดงศักยภาพและความสามัคคี ในการกำหนดอนาคตของประเทศร่วมกับประชากรโลก ที่ทุกคนต้องทำเพื่อโลกนี้ และส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเราในอนาคต
อุณหภูมิโลกพุ่งเกินเป้า ไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือภัยพิบัติ
ความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญ ตามความตกลงปารีส ที่ได้กำหนดเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส แต่ปัจจุบันอุณหภูมิโลกได้สูงถึง 1.75 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาคลื่นความร้อนสูง น้ำท่วมในช่วงฤดูฝน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง กระทบต่อชีวิต ทรัพย์สินและความมั่นคงของประเทศ โดยมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงต้องเร่งขับเคลื่อนแผนการปรับตัว โดยเฉพาะการเตือนภัยล่วงหน้าให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และถึงแม้ประเทศไทยจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง ร้อยละ 1 ของโลก แต่กลับได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอันดับต้นๆ ของโลก รัฐบาลนี้จึงได้ปรับการกำหนดเป้าหมาย "การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” เป็นภายในปี ค.ศ. 2050 ตามแผน “NDC 3.0” ที่จะจัดส่งในช่วงปลายปี ค.ศ. 2025 นี้ โดยวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จาก 5 ภาคส่วนหลัก คือ พลังงาน การขนส่ง อุตสาหกรรม การจัดการของเสีย และการเกษตร ให้ได้ร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ. 2035

ผลักดันกฎหมายพร้อมตั้งตลาดคาร์บอนเครดิตอาเซียน
นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงทรัพยากรฯ ได้เร่งผลักดัน “ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงาน ผ่าน 4 ด้าน คือ กลไกทางนโยบาย การลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกทางการเงิน กองทุนเพื่อสนับสนุนการลงทุนสู่เป้าหมาย Net Zero เพื่อนำเงินจากผู้ก่อมลพิษมาสนับสนุนผู้ลดมลพิษ รวมถึงประเทศไทยได้มุ่งพัฒนาเป็น "ศูนย์กลางตลาดคาร์บอนเครดิต" ในระดับอาเซียนอย่างเป็นระบบและครบวงจร สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โอกาสการลงทุน พัฒนารูปแบบการเงินแบบใหม่ และมุ่งหวังให้ "คนรุ่นใหม่" เป็นกำลังสำคัญร่วมกับ "คนรุ่นใหญ่" สนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้าง
“ผมมีความมุ่งหวังและตั้งใจที่จะส่งเสริมการดำเนินงานของประเทศไทย และขอเชิญชวนทุกท่านได้นำแรงบันดาลใจที่ได้รับในวันนี้มาร่วมสร้างอนาคต เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ให้เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม สามารถเดินไปด้วยกันได้ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ที่สำคัญ มาร่วมกันสร้างอนาคต สร้างโลกที่น่าอยู่ของพวกเราทุกคนในวันนี้ และส่งต่อให้ลูกหลานของเราในวันข้างหน้าไปด้วยกัน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว

ดึงทุกภาคส่วนรวมพลังสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ด้าน ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การประชุม TCAC 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29–30 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมจากทุกภาคส่วนกว่า 2,000 คน ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ องค์กรระหว่างประเทศ คณะทูต ภาคประชาชน และเยาวชน โดยกำหนดรูปแบบการเสวนาครอบคลุมทั้งด้านนโยบายภาครัฐ นวัตกรรมและการวิจัย การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชน ซึ่งได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในทุกภาคส่วนมาร่วมแลกเปลี่ยนและสร้างสรรค์ความร่วมมือในทุกมิติ อีกทั้งยังมีการจัดนิทรรศการเพื่อนำเสนอการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงการจัด Climate Clinic เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ปีนี้เป็นปีแรกที่กระทรวงฯ ได้สร้างความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและประชาชนโดยตรง ด้วยการสนับสนุนงบประมาณจับคู่ขับเคลื่อนโครงการเครือข่ายชุมชน 12 พื้นที่ พื้นที่ละ 2 แสนบาท ซึ่งจะทำให้เกิดผลการดำเนินงานในระดับพื้นที่ตลอดระยะเวลา 9 เดือนนับจากการประชุมครั้งนี้ และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่จะส่งต่อได้อย่างเป็นรูปธรรม

TCAC 2025 อุ่นเครื่องประเทศไทยก่อนไปเวที COP 30
หลังจากการประชุม TCAC 2025 ประเทศไทยจะนำผลลัพธ์ของการประชุมนี้รวมถึงการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมไปประกาศในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 หรือ COP 30 ที่บราซิลในเดือนพฤศจิกายนนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับสิ่งแวดล้อม และก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน