ทุกครั้งที่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย เรื่องของโลกร้อน และสภาพอากาศสุดขั้ว จะถูกนำมาโยงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ล่าสุดมีคำว่า ฝนแช่ (Stationary Heavy Rain / Stagnant Rainfall ) และ เรนบอมบ์ (Rain Bomb) ที่ถูกนำมาพูดถึง แต่สองปรากฏการณ์นี้คือเรื่องเดียวกันหรือไม่? แตกต่างกันอย่างไร? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
#น้ำท่วมหาดใหญ่ ล่าสุดนักวิชาการหลายคนต่างให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า น้ำท่วมภาคใต้ 2568 เกิดจากฝนที่ตกสะสมเป็นเวลานาน เนื่องจากปรากฏการณ์เมฆฝนที่ลอยแช่อยู่กับที่ หรือเรียกว่า Stagnant Rainfall / Stationary Heavy Rain ซึ่งไม่ใช่ศัพท์วิชาการ แต่เป็นศัพท์ทั่วไปที่ใช้เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ฝนในลักษณะนี้

รู้จัก “ฝนแช่”
ฝนแช่ หรือฝนตกแช่ แตกต่างจากพายุฝนทั่วไปที่เคลื่อนตัวไปตามลม เพราะเป็นสภาวะที่ “ระบบลมไม่เคลื่อน” ทำให้เมฆมีโอกาสสะสมความชื้นและปล่อยฝนลงในพื้นที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลลัพธ์คือฝนที่ตกเรื่อยๆ ต่อเนื่องจนเกิดปริมาณ “น้ำฝนสะสม” ในระดับที่เมืองไม่สามารถจัดการได้ทัน
น้ำท่วมภาคใต้ 2568 ยังมีปัจจัยที่ซ้อนทับ ของ “สภาพอากาศยุคใหม่”นอกจากเมฆฝนอยู่นิ่ง ปริมาณฝนสะสมสูงสุดในรอบ 300 ปี อิทธิพลลานีญา ยังรวมถึงกายภาพเมืองที่ไม่สามารถรองรับมวลน้ำขนาดใหญ่ได้ทัน และระบบระบายน้ำที่ถึงขีดจำกัด
ลักษณะเด่นของฝนแช่
ระยะเวลายาวนาน: ฝนจะตกต่อเนื่อง ตั้งแต่ 6 ชั่วโมงไปจนถึง 2-3 วัน
ความรุนแรง: แม้ความหนักหน่วงต่อชั่วโมงจะไม่รุนแรงที่สุด แต่ความอันตรายอยู่ที่ปริมาณน้ำฝนสะสมที่สูงมากจนทำลายสถิติ (เช่น ปริมาณน้ำฝนรวมเกิน 500 มิลลิเมตร)
ผลกระทบ: นำไปสู่น้ำท่วมขังยืดเยื้อ (Prolonged Flooding) ในพื้นที่วงกว้าง เพราะน้ำที่ตกลงมามีปริมาณมากจนระบบระบายน้ำและคลองต่างๆ ไม่สามารถระบายออกได้ทัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ น้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่แอ่งรับน้ำ เมื่อถูกฝนแช่ก็จะกลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
รู้จัก “เรนบอมบ์”
เรนบอมบ์ (Rain Bomb) เป็นคำที่สื่อถึงปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยา อย่าง Downburst / Microburst ซึ่งเป็นการพุ่งดิ่งของลมและฝนจากก้อนเมฆพายุลงสู่พื้นดินอย่างรุนแรงและฉับพลัน
ลักษณะเด่นของเรนบอมบ์
ระยะเวลาสั้น: ฝนจะตกอย่างรุนแรงในเวลาจำกัด ส่วนใหญ่มักไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ความรุนแรง: เน้นที่อัตราการตกต่อชั่วโมงที่สูงมากที่สุด จนมองเห็นเหมือนมวลน้ำก้อนใหญ่ตกลงมาอย่างกะทันหัน
ผลกระทบ: ก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน (Flash Flood) ในพื้นที่แคบๆ และเป็นเฉพาะจุด น้ำจะท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมักจะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อพายุสลายตัวไป
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การเกิดน้ำท่วมบนเส้นทางในตัวเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันในช่วงเวลาสั้นๆ

ดังนั้น คำว่า “ฝนแช่” และ “เรนบอมบ์” จึงเป็นกลไกฝนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และนำมาซึ่งความเสียหายในรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การแยกแยะความแตกต่างของ “ฝนสองขั้ว” จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้หน่วยงานและประชาชนสามารถวางแผนป้องกันและรับมือกับผลกระทบของสภาพอากาศสุดขั้วได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับลักษณะภัยพิบัติในแต่ละพื้นที่




