นักวิจัยไขปริศนา...นกและสัตว์ทะเลกินพลาสติกเท่าไรถึงอันตรายแก่ชีวิต?

19 พ.ย. 2568 - 04:44

  • นกทะเลตายได้จากการกินพลาสติกที่ขนาดเล็กกว่าถั่วเพียง 6 ชิ้น

  • 47% ของเต่าทะเล 35% ของนกทะเล และ 12% ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล มีพลาสติกในทางเดินอาหาร

นักวิจัยไขปริศนา...นกและสัตว์ทะเลกินพลาสติกเท่าไรถึงอันตรายแก่ชีวิต?

นับเป็นอีกหนึ่งผลการศึกษาที่น่าสนใจในประเด็นสิ่งแวดล้อม เมื่อนักวิจัยจากหลายประเทศทำการวิเคราะห์ซากสัตว์ทะเลกว่า 10,412 ตัวจากทั่วโลก เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการกลืนพลาสติกกับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต พบว่าสัตว์ทะเลหลายชนิดสามารถตายได้แม้กลืนพลาสติกเพียงเล็กน้อย

งานวิจัยล่าสุดนี้เผยแพร่ใน Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) โดยทีมวิจัยรวบรวมข้อมูลจากนกทะเล เต่าทะเล และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล เช่น โลมา วาฬ และแมวน้ำ เพื่อสร้างโมเดลทางสถิติที่ช่วยทำนายความเสี่ยงการตายจากพลาสติก โดยใช้เทคนิค Weibull Accelerated Failure Time model ซึ่งเน้นวัดความเสี่ยงจากการตายเฉียบพลัน หลังการอุดตันหรือบาดเจ็บในทางเดินอาหาร

ผลการศึกษาพบว่าแม้สัตว์จะกลืนพลาสติกเพียงเล็กน้อยก็สามารถเกิดอันตรายรุนแรงได้ เช่น

  • นกทะเล มีโอกาสตายสูงถึง 90% เมื่อกลืนพลาสติกเพียง 6 ชิ้นขนาดเล็กกว่าถั่ว
  • เต่าทะเล อาจเสียชีวิตเมื่อมีพลาสติกในทางเดินอาหารประมาณ 405 ชิ้น
  • สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล เช่น โลมาและแมวน้ำ มีโอกาสตายสูงเมื่อกลืนพลาสติกประมาณ 29 ชิ้น
sustainability-researchers-solve-mystery-plastic-marine-animal-death-SPACEBAR-Photo01.jpg

นักวิจัยยังพบว่า “ชนิดของพลาสติก” ส่งผลต่อความรุนแรงของอันตรายแตกต่างกัน

  • นกทะเล อันตรายมากจาก พลาสติกยางและพลาสติกแข็ง
  • เต่าทะเล เสี่ยงจาก พลาสติกเนื้อนิ่มและถุงพลาสติก
  • สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล ได้รับอันตรายจาก พลาสติกเนื้อนิ่มและเศษอุปกรณ์ประมง

ข้อมูลจากการชันสูตรซากสัตว์เผยว่า 47% ของเต่าทะเล, 35% ของนกทะเล และ 12% ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทะเล มีพลาสติกในทางเดินอาหารเมื่อเสียชีวิต และส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์หรือถูกคุกคามตาม IUCN ซึ่งชี้ชัดว่ามลพิษพลาสติกเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของสายพันธุ์หลายชนิด

“ขีดจำกัดของพลาสติกที่เป็นอันตรายต่อนกทะเลและสัตว์ทะเลนั้นเล็กกว่าที่เราคาดไว้มาก เราจำเป็นต้องลดการผลิตพลาสติก ปรับปรุงระบบจัดการขยะ รีไซเคิล และทำให้มหาสมุทรสะอาดขึ้น”

เอริน เมอร์ฟีย์ นักวิจัยด้านพลาสติกในทะเลจากองค์กร Ocean Conservancy กล่าว

นักวิจัยชี้ว่าการศึกษานี้เน้นผลกระทบระยะสั้นจากการอุดตันในทางเดินอาหารเท่านั้น ยังไม่ได้รวมถึงผลระยะยาวจากสารเคมีในพลาสติก หรือความเสี่ยงจากการพันรัด ซึ่งอาจทำให้ผลกระทบต่อชีวิตสัตว์ทะเลสูงกว่าที่รายงานหลายเท่า

sustainability-researchers-solve-mystery-plastic-marine-animal-death-SPACEBAR-Photo02.jpg

ทั้งนี้ จากข้อมูล OECD ที่เปิดเผยในปี 2019 พบว่าในแต่ละปีมีพลาสติกกว่า 6 ล้านตันเล็ดลอดเข้าสู่แม่น้ำ ทะเลสาบ และมหาสมุทร การวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่าปัญหาเศษพลาสติกขนาดใหญ่ยังคงเป็นภัยร้ายแรงต่อสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ แม้ว่าความสนใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะขยายไปยัง “ไมโครพลาสติก” และ “นาโนพลาสติก” ที่พบกระจายทั้งในทะเลลึกและร่างกายมนุษย์

งานวิจัยนี้ตอกย้ำความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพื่อลดพลาสติกในมหาสมุทร ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 12 และ SDG 14 ทั้งในเรื่องการลดการผลิตพลาสติก การปรับปรุงระบบจัดการขยะ การรีไซเคิล และการทำความสะอาดมหาสมุทร เพื่อปกป้องชีวิตสัตว์ทะเลและรักษาสมดุลของระบบนิเวศในระยะยาว

ท้ายที่สุด หากมองในมุมเสียดสี เหมือนกับว่ามหาสมุทรกำลังกลายเป็น “บุฟเฟ่ต์พลาสติก” ขนาดยักษ์สำหรับสัตว์ทะเล โดยที่ “มนุษย์” เป็นพ่อครัวผู้สร้างอาหารพิษ โดยไม่รู้ว่าเหล่านก เต่า และวาฬที่กินเข้าไป...จะรอดชีวิตได้กี่เปอร์เซ็นต์

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์