สถิติใหม่ขั้วโลกใต้ละลาย 8 กม.ใน 2 เดือน ปฏิกิริยาลูกโซ่เร่งเมืองชายฝั่งจมน้ำถาวร

18 พ.ย. 2568 - 02:30

  • บทวิเคราะห์: ขั้วโลกใต้ละลายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ เมืองชายฝั่งตั้งรับยังไง?

  • ธารน้ำแข็งเฮกโทเรีย แอนตาร์กติกา สูญเสียมวลน้ำแข็งกว่า 8 กิโลเมตรภายใน 2 เดือน ทุบสถิติใหม่ในขั้วโลกใต้

  • หวั่นปฏิกิริยาลูกโซ่จากภาวะโลกร้อน เพิ่มความเสี่ยงระดับน้ำทะเล ชุมชนชายฝั่ง การอพยพ และระบบนิเวศ

สถิติใหม่ขั้วโลกใต้ละลาย 8 กม.ใน 2 เดือน ปฏิกิริยาลูกโซ่เร่งเมืองชายฝั่งจมน้ำถาวร

ขั้วโลกใต้ละลายเร็วทุบสถิติ มวลน้ำทำระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น

คาบสมุทรแอนตาร์กติกา หนึ่งในภูมิภาคที่ร้อนเร็วที่สุดของโลก กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของสัญญาณเตือนครั้งสำคัญ เมื่อธารน้ำแข็งเฮกโทเรีย (Hektoria Glacier) ถอยร่นกว่า 8 กิโลเมตร ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน สถิตินี้มีการบันทึกไว้ในช่วเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม ปี 2022 เป็นเหตุการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ามีอัตราการถอยร่นบนบกเร็วที่สุดที่เคยบันทึกไว้ และเร็วกว่าธารน้ำแข็งทั่วไปเกือบ 10 เท่า!!

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature Geoscience รวมถึงรายงานวิเคราะห์จากนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา และฝรั่งเศส ชี้ตรงกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฮกโทเรีย ไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะพื้นที่ แต่เป็นตัวอย่างที่น่ากังวลของสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในหลายส่วนของแอนตาร์กติกาในอนาคตอันใกล้ หาก “ภาวะโลกร้อน” ยังคงเดินหน้าทุบสถิติอย่างไม่หยุดยั้ง

รูปภาพของธารน้ำแข็ง Hektoria antes y después del retroceso récord de ocho kilómetros en single dos meses./ ESA/UNIVERSIDAD SWANSEA
รูปภาพของธารน้ำแข็ง Hektoria antes y después del retroceso récord de ocho kilómetros en single dos meses./ ESA/UNIVERSIDAD SWANSEA

จากไม่กี่ร้อยเมตรต่อปี ทวีเป็น 8 กิโลเมตรใน 2 เดือน

เกิดอะไรขึ้นกับ Hektoria?

ข้อมูลดาวเทียมระบุว่า ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2022-สิงหาคม 2023 ธารน้ำแข็งแห่งนี้ถอยร่นไปถึง 25 กิโลเมตร โดย 1 ใน 3 เกิดขึ้นในเวลาเพียง 2 เดือน!!

โดยทั่วไป ธารน้ำแข็งที่อยู่บนบกในภูมิภาคขั้วโลกจะถอยตัวเพียงไม่กี่ร้อยเมตรต่อปี แต่การวิเคราะห์จากภาพถ่ายดาวเทียม เครื่องบินสำรวจ และข้อมูลการวัดความสูงของพื้นดินชี้ว่าธารน้ำแข็งเฮกโทเรียสูญเสียมวลถึง 800 เมตรต่อวัน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักวิทยาศาสตร์

เอเตียน แบร์เทียร์ นักธารน้ำแข็งวิทยาจากมหาวิทยาลัยตูรูส อธิบายว่า ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวลงทะเลและเกิดภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาก็สามารถหดตัวรวดเร็วได้ แต่สิ่งที่น่าทึ่งในกรณีเฮกโทเรีย คือการถอยตัวเกิดขึ้นบนพื้นหินและน้ำแข็งบนบก ซึ่งปกติจะเคลื่อนตัวช้ากว่าธารน้ำแข็งลอยตัวหลายเท่า

ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น

การสูญเสียมวลน้ำแข็งบนบกมีผลโดยตรงต่อระดับน้ำทะเล เพราะน้ำละลายจากพื้นดินไหลลงสู่ทะเลทันที การเข้าใจพฤติกรรมของธารน้ำแข็งและปัจจัยที่เร่งการถอยตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการพยากรณ์ระดับน้ำทะเลในอนาคต

นักวิทยาศาสตร์เปรียบเหตุการณ์นี้เหมือนคดี “ใครเป็นคนทำ?”

การละลายของชั้นน้ำแข็งลาร์สเซน บี / เอเอฟพี
การละลายของชั้นน้ำแข็งลาร์สเซน บี / เอเอฟพี

ต้องย้อนกลับไปยังปี 2002 เมื่อชั้นน้ำแข็งลาร์สเซน บี (Larsen B Ice Shelf) พังทลาย ซึ่งก่อนหน้านี้ทำหน้าที่เหมือน “จุกขวด” กั้นการละลายของน้ำแข็งจากบก เมื่อแพน้ำแข็งหายไป ธารน้ำแข็งที่ไหลลงสู่ทะเลจึงเปราะบางและแตกตัวง่ายขึ้น นอกจากนี้ แอนตาร์กติกาก็เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ร้อนขึ้นเร็วที่สุดของโลก ทำให้น้ำแข็งอ่อนตัวและเสี่ยงต่อการแตกตัวเพิ่มขึ้น หลังการพังทลาย พื้นที่อ่าวถูกแทนที่ด้วย  fast ice หรือน้ำแข็งทะเลที่ติดอยู่กับพื้นหิน ซึ่งช่วยทรงตัวธารน้ำแข็งชั่วคราว แต่เมื่อ fast ice แตกตัวระบบทั้งหมดก็เสียสมดุลทันที 

จากนั้นเกิดกระบวนการแตกตัวของภูเขาน้ำแข็งต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ทำให้ปี 2022 แตกต่างคือการที่น้ำแข็งบางส่วนไม่ได้ลอยตัวแต่เกยอยู่บนพื้นทะเล เมื่อธารน้ำแข็งบางลง น้ำทะเลยกแผ่นน้ำแข็งขึ้นพร้อมกัน เกิดการแตกตัวครั้งใหญ่ และเร่งให้ธารน้ำแข็งถอยร่นด้วยความเร็วที่ไม่เคยพบมาก่อน

งานวิจัยใหม่-ความเห็นคัดค้าน

ธารน้ำแข็งเกยพื้น หรือจริงๆ แล้วลอยน้ำกันแน่?

แม้งานวิจัยจะเสนอว่า “Grounded Glacier” เป็นสาเหตุสำคัญ แต่มีนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มไม่เห็นด้วย โดยยืนยันว่าบริเวณดังกล่าวอาจเป็นน้ำแข็งลอยทะเล ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วแตกตัวได้ง่ายกว่ามาก 

ตำแหน่งของ Grounding line จุดที่ธารน้ำแข็งแตะพื้นทะเลหรือเริ่มลอยตัว เป็นหัวใจของข้อถกเถียง เพราะถ้าส่วนที่แตกตัวนั้นลอยน้ำอยู่จริง เหตุการณ์นี้ก็จะเป็นเพียงการแตกของชั้นน้ำแข็ง ไม่ใช่ “สถิติโลกใหม่ของการถอยร่นบนบก”

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันในประเด็นสำคัญที่สุดว่า ขั้วโลกใต้กำลังเปลี่ยนไปเร็วกว่าแบบจำลองทุกชุดที่คาดไว้เมื่อทศวรรษก่อน

สัญญาณเตือนระดับน้ำทะเล

ความเสี่ยงที่เมืองชายฝั่งและเกาะเล็กๆ รอไม่ได้

หากกระบวนการแบบเดียวกับเฮกโทเรียเกิดขึ้นกับธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ เช่น Thwaites Glacier หรือที่ถูกขนานนามว่า “ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก”โลกอาจเห็นระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 65 เซนติเมตร จากธารน้ำแข็งก้อนเดียว

ปฏิกิริยาลูกโซ่ของภาวะโลกร้อน

โลกร้อนอย่างเดียวก็น่ากังวลแล้ว แต่ผลที่เกิดตามมาหลังจากนั้นน่ากังวลมากกว่า นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่างของปฏิกิริยาลูกโซ่จากภาวะโลกร้อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับธารน้ำแข็งขนาดใหญ่และส่งผลต่อระดับน้ำทะเลในวงกว้าง การละลายของธารน้ำแข็งบนบกถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ร่วมกับการขยายตัวของน้ำทะเลที่ร้อนขึ้นและการละลายของธารน้ำแข็งภูเขา รวมถึงแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา 

เมื่อทุกอย่างดำเนินไปจนถึงจุดที่ไม่อาจย้อนกลับได้ จะเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง อาทิ 

เมืองชายฝั่งใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ จาการ์ตา ไมอามี เซี่ยงไฮ้ ที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำทะเลสูงอยู่แล้ว ต้องเผชิญการทรุดตัวของดินร่วมด้วย ทำให้ผลกระทบยิ่งรุนแรง

หากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเพียง 20–30 ซม. ก็เพียงพอให้เกิด น้ำทะเลหนุนบ่อยขึ้น พื้นที่ชุ่มน้ำและระบบนิเวศชายฝั่งหายไป น้ำใต้ดินเค็มรุกล้ำ กระทบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ท่าเรือ ระบบระบายน้ำ และเสี่ยงน้ำท่วมถาวร

และหากกลไกแบบเฮกโทเรีย เกิดกับธารน้ำแข็งใหญ่อื่นๆ โลกอาจเข้าสู่ยุคที่ “น้ำทะเลเพิ่มปีละเซนติเมตร” ซึ่งแทบไม่มีเมืองใดพร้อมรับมือ

Climate Visa โควตาลี้ภัยหนีโลกรวนให้สิทธิ์ ‘ตูวาลู’ ที่แรกในโลก
Climate Visa โควตาลี้ภัยหนีโลกรวนให้สิทธิ์ ‘ตูวาลู’ ที่แรกในโลก

เกาะเล็กๆ ในแปซิฟิกและแคริบเบียน อาจหายไปจากแผนที่ หลายประเทศ เช่นตูวาลู คิริบาติ มัลดีฟส์ อาจต้องวางแผนย้ายประเทศ (Nation Relocation) โดยสหประชาชาติคาดว่าภายในปี 2050 อาจมี “Climate Migrants” ทำให้ผู้คนมากกว่า 200 ล้านคนต้องอพยพครั้งใหญ่ในศตวรรษนี้ ทั้งหมดเชื่อมโยงโดยตรงกับ SDG 13 Climate Action, SDG 14 Life Below Water, และ SDG 11 Sustainable Cities and Communities ซึ่งการรักษาเสถียรภาพของระบบน้ำแข็งโลก เป็นส่วนสำคัญของการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้

เมืองชายฝั่งตั้งรับยังไง?

สำหรับประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เร่งศึกษาจัดทำ “แผนแม่บทการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยเน้นการวิเคราะห์ผลกระทบในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ เพื่อกำหนดแนวทางการรับมือที่เหมาะสมและยั่งยืน ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียและความเสียหายต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงจะมีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) การรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ การวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนและการพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนชายฝั่งในระยะยาวด้วย

ทั้งนี้ แผนแม่บทดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ของปี พ.ศ. 2569 ซึ่งรัฐบาลหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการกำหนดแนวทางการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบนที่เป็นรูปธรรม และนำไปสู่การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต

สำหรับทางออกของปัญหานี้จำเป็นต้องมีการปรับตัวเชิงโครงสร้างและเชิงนโยบายควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการใช้น้ำบาดาล การฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่ง เช่น การปลูกป่าชายเลนเพื่อเป็นแนวกันคลื่นธรรมชาติ การวางผังเมืองใหม่ที่คำนึงถึงระดับน้ำทะเลในอนาคต และการเสริมแนวป้องกันน้ำทะเลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องเร่งรัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังในระดับประเทศและภูมิภาค เพื่อชะลออุณหภูมิของโลกไม่ให้ทะลุขีดอันตราย เพราะหากโลกยังร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงก็อาจไม่สามารถต้านทานพลังของธรรมชาติที่เปลี่ยนไปได้

อย่า...ปิดเสียงแจ้งเตือน

เหตุการณ์เฮกโทเรีย คืออีกเสียงไซเรนที่เตือนดังๆ จากธรรมชาติ แต่ดูเหมือนมนุษย์จำนวนมากยังทำเหมือน “ปิดเสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์” แล้วบอกว่าไว้ค่อยแก้ทีหลัง

...แต่ “โลกมันร้อนเกินไปแล้วนะ!!”

ขณะที่โลกร้อนขึ้น ธารน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยงๆ มนุษย์บางส่วนกลับเพิ่มระดับแอร์ให้เย็นขึ้นอีก...อย่ารอให้ กรุงเทพฯ จมบาดาล หรือเกาะทั้งเกาะหายไปจาก Google Maps เพราะถึงตอนนั้นเราอาจน้ำตาตกในได้แต่หัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “รู้งี้...แก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ น่าจะทัน!”

อ้างอิง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์