โลกร้อน หัวร้อน! วิจัย MIT พบโพสต์เชิงลบ-อาชญากรรมพุ่ง แค่อุณหภูมิสูงเกิน 35°C

3 ก.ย. 2568 - 05:14

  • ผลทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดอากาศร้อนทำคนอารมณ์เสียจริง! เพิ่มความรู้สึกเชิงลบ 25% เมื่ออุณหภูมิทะลุ 35°C โดยเฉพาะในประเทศรายได้น้อย

  • วิจัย MIT เตือนโลกร้อนทำให้คนหงุดหงิด-เสี่ยงเกิดอาชญากรรมพุ่ง นักวิจัยเผย “อารมณ์โลก” จะทรุด 2.3% ภายในปี 2100

โลกร้อน หัวร้อน! วิจัย MIT พบโพสต์เชิงลบ-อาชญากรรมพุ่ง แค่อุณหภูมิสูงเกิน 35°C

อุณหภูมิที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ไม่ได้กระทบแค่ภูมิอากาศหรือสุขภาพกายอีกต่อไป เมื่องานวิจัยชิ้นใหม่จาก MIT ชี้ชัดว่า ความร้อนส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์ ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในประเทศรายได้น้อย ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเปราะบางของปัญหาสังคมในอนาคตอันใกล้

โลกร้อน หัวร้อน! วิจัย MIT พบโพสต์เชิงลบ-อาชญากรรมพุ่ง แค่อุณหภูมิสูงเกิน 35°C
โลกร้อน หัวร้อน! วิจัย MIT พบโพสต์เชิงลบ-อาชญากรรมพุ่ง แค่อุณหภูมิสูงเกิน 35°C

อากาศร้อน = อารมณ์เสีย เพราะอะไร?

หลายคนอาจเคยสังเกตว่า ในวันที่อากาศร้อนจัด มักจะรู้สึกหงุดหงิด เบื่อหน่าย หรือแม้แต่รู้สึกอยากอยู่ห่างจากผู้คน ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากจินตนาการ เพราะผลการวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) ยืนยันแล้วว่า ความร้อนทำให้คนมีแนวโน้มอารมณ์เสียมากขึ้น” โดยมีหลักฐานเชิงสถิติสนับสนุน

คำวิทยาศาสตร์อธิบายชี้ความร้อนเปลี่ยนสมอง

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อ “สารเคมีในสมอง” ที่ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) ความร้อนอาจลดระดับสารนี้ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และหดหู่ ส่วน เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ความร้อนอาจกระตุ้นระดับฮอร์โมนนี้ ทำให้คนมีแนวโน้มก้าวร้าวมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดสะท้อนว่า อุณหภูมิไม่เพียงส่งผลต่อร่างกาย แต่มีผลต่อโครงสร้างทางชีวภาพของอารมณ์โดยตรง

โลกร้อน หัวร้อน! วิจัย MIT พบโพสต์เชิงลบ-อาชญากรรมพุ่ง แค่อุณหภูมิสูงเกิน 35°C
โลกร้อน หัวร้อน! วิจัย MIT พบโพสต์เชิงลบ-อาชญากรรมพุ่ง แค่อุณหภูมิสูงเกิน 35°C

โพสต์โซเชียลเดือดขึ้นเพราะโลกที่ร้อนขึ้น จริงหรือไม่?

งานวิจัยทำการวิเคราะห์โพสต์บนโซเชียลมีเดียกว่า 1,200 ล้านโพสต์ จากแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) และ Weibo ครอบคลุม 157 ประเทศ ในระยะเวลา 1 ปี โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้านภาษาธรรมชาติ BERT เพื่อประเมินระดับ “ความรู้สึก” จากข้อความในโพสต์ แล้วนำมาเชื่อมโยงกับข้อมูลสภาพอากาศแบบรายพื้นที่

ผลการศึกษาพบว่า เมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C ความรู้สึกเชิงลบในข้อความบนโซเชียลเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดย

  • ประเทศรายได้น้อยมีแนวโน้มอารมณ์เสียเพิ่มขึ้นถึง 25%
  • ขณะที่ประเทศรายได้สูงได้รับผลกระทบเพียง 8%

ความรุนแรง อาชญากรรม เพิ่มเป็นเงาตามตัว

ผลกระทบของอุณหภูมิสูงไม่ได้หยุดอยู่ที่ความรู้สึกหงุดหงิดชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มโยงไปสู่พฤติกรรมรุนแรง เช่น อาชญากรรม การทะเลาะวิวาท หรือแม้กระทั่งการจลาจล

หลายงานวิจัยที่ผ่านมาสนับสนุนประเด็นนี้เช่นกัน อาทิ

  • ในกรีซ มากกว่า 30% ของคดีฆาตกรรม ระหว่างปี 1995-2004 เกิดขึ้นในวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 25°C
  • การจลาจลในยุโรปและอเมริกาใต้ในศตวรรษที่ 18-19 กว่าครึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน
  • งานศึกษาทศวรรษ 1980 ยังพบว่า คนขับรถที่เปิดกระจก (ไม่มีแอร์) มีแนวโน้มบีบแตรหรือแสดงความโกรธมากขึ้นในวันที่อากาศร้อนจัด

เหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นว่า ความร้อนสามารถเป็น “ตัวเร่ง” ให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงในระดับบุคคลและสังคม

ประเทศยากจนเสี่ยงหนักขึ้น 3 เท่า

ช่องว่างระหว่างประเทศรายได้สูงและต่ำยังคงชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อพูดถึงผลกระทบทางอารมณ์จากความร้อน ดร.อี้ชุน ฟาน หนึ่งในผู้ร่วมวิจัยอธิบายว่า ประเทศรายได้น้อยมักขาดโครงสร้างพื้นฐานในการปรับตัว เช่น เครื่องปรับอากาศ ระบบสุขภาพจิต หรือการสนับสนุนทางสังคม ส่งผลให้ประชากรในประเทศเหล่านี้เผชิญผลกระทบทางอารมณ์จากอากาศร้อนรุนแรงกว่าถึง 3 เท่า

วิจัย MIT เตือนโลกร้อนทำให้คนหงุดหงิด-เสี่ยงเกิดอาชญากรรมพุ่ง นักวิจัยเผย “อารมณ์โลก” จะทรุด 2.3% ภายในปี 2100
วิจัย MIT เตือนโลกร้อนทำให้คนหงุดหงิด-เสี่ยงเกิดอาชญากรรมพุ่ง นักวิจัยเผย “อารมณ์โลก” จะทรุด 2.3% ภายในปี 2100

แนวโน้มในอนาคตอารมณ์โลกอาจดิ่งลง 2.3%

เมื่อใช้แบบจำลองภูมิอากาศคาดการณ์ถึงปี 2100 ทีมวิจัยประเมินว่า ความร้อนจากภาวะโลกร้อนเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ ความเป็นอยู่ทางอารมณ์ของมนุษย์ทั่วโลกลดลง 2.3% แม้จะมีการปรับตัวเกิดขึ้นบ้างก็ตาม

“ความสามารถในการรับมือกับผลกระทบทางอารมณ์จากอากาศร้อน จะกลายเป็นหนึ่งในหัวใจของการปรับตัวทางสังคมในอนาคต”

ดร.นิค โอบราโดวิช นักวิจัยร่วมโครงการกล่าวเตือน

ต้องทำอะไรต่อ? ความร้อนคือปัญหาสุขภาพจิตแห่งศตวรรษ

แม้งานวิจัยนี้จะมีข้อจำกัด เช่น กลุ่มตัวอย่างหลักคือผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ (ที่มักเป็นกลุ่มเปราะบาง) แต่ภาพรวมก็สะท้อนข้อเท็จจริงสำคัญว่า อากาศร้อนกำลังกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงของปัญหาสุขภาพจิตระดับโลก

คำถามสำคัญคือ สังคมพร้อมรับมือหรือยัง? เมืองใหญ่ควรลงทุนในระบบเตือนภัยคลื่นความร้อนควรมีศูนย์พักพิงที่ปลอดภัยในช่วงอากาศสุดขั้วรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตพอๆ กับสุขภาพกายการให้การศึกษาเรื่องการจัดการอารมณ์ในภาวะร้อนจัดควรเริ่มตั้งแต่ระดับครอบครัวและโรงเรียน

 ความร้อนมากกว่าแค่ “สภาพอากาศ”

ในโลกที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง งานวิจัยชิ้นนี้คือคำเตือนว่าภาวะโลกร้อนกำลังกัดกร่อน “จิตใจ” ของมนุษย์แบบเงียบๆ ไม่แพ้การกัดเซาะชายฝั่งหรือทำลายป่าไม้ ไม่ใช่แค่เหงื่อที่ไหล หรือพัดลมที่หมุนแรงขึ้น แต่คือ “ความเครียด ความก้าวร้าว และความสิ้นหวัง” ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างเงียบงันในใจผู้คนทั่วโลก

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์