สัปดาห์นี้นอกจากสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากภัยธรรมชาติแล้ว ล่าสุดมีรายงานวิจัยใหม่ที่ถูกเผยแพร่ในวารสาร Nature Climate Change เปิดเผยว่าการตัดไม้ทำลายป่าในเขตร้อนระหว่างปี 2001–2020 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคและภาวะที่เกี่ยวข้องกับความร้อน (Heat-related illness) มากกว่า 500,000 คนทั่วโลก โดยกว่า 28,330 คนต่อปี เสียชีวิตจาก “ความร้อนเฉพาะพื้นที่” ที่เพิ่มขึ้นจากการเคลียร์พื้นที่ป่า
แม้ว่าการศึกษาก่อนหน้านี้จะเคยแสดงให้เห็นว่า การตัดและเผาป่าไม้ก่อให้เกิดความร้อนในระยะยาว แต่รายงานฉบับนี้นับว่าเป็น ครั้งแรกที่มีการคำนวณ “จำนวนผู้เสียชีวิต” ตามมาอย่างเป็นระบบ
“ความร้อนที่เพิ่มขึ้น 2–3 องศา อาจเป็นความต่างระหว่างการมีชีวิตกับการเสียชีวิต โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบาง”
— ศาสตราจารย์ โดมินิก สแปรคเลน จากมหาวิทยาลัยลีดส์ ผู้ร่วมวิจัยกล่าว
วิจัยนี้จัดทำโดยทีมวิจัยจากบราซิล กานา และสหราชอาณาจักร โดยการเปรียบเทียบอัตราการเสียชีวิตที่ไม่เกิดจากอุบัติเหตุ (Non-accident mortality) กับอุณหภูมิในพื้นที่ที่มีการตัดป่า โดยพบว่ากลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ซึ่งรวมถึงไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีทั้งประชากรหนาแน่น พื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการขยายตัวของเกษตรเชิงพาณิชย์อย่างรวดเร็วในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา

“โลก” ไม่ได้ร้อนขึ้นเอง แต่เป็นความร้อนที่มนุษย์เร่งสร้าง
รายงานชี้ว่าการตัดป่าทำให้เกิด Localised Warming หรือภาวะร้อนเฉพาะพื้นที่ เนื่องจากปริมาณร่มเงาลดลง ฝนตกน้อยลง และความชื้นในอากาศลด ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยมีสภาพป่ากลายเป็นแหล่งกักเก็บความร้อน ทำให้ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มากกว่า 1 ใน 3 ของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเขตร้อนในช่วงสองทศวรรษ มาจาก “การตัดไม้ทำลายป่า” โดยตรง ไม่ใช่จากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการปล่อยคาร์บอนเพียงอย่างเดียว
ข้อมูลยังเผยว่า ประชากรกว่า 345 ล้านคนทั่วเขตร้อน ต้องเผชิญกับความร้อนจากการตัดป่า และอย่างน้อย 2.6 ล้านคนได้รับผลกระทบที่ระดับรุนแรง (เพิ่มขึ้นถึง 3°C)
นักวิจัยประเมินว่าความร้อนที่เกิดจากการตัดป่าส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 28,330 คนต่อปี ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา โดย
- มากกว่าครึ่งของผู้เสียชีวิตเหล่านี้อยู่ใน “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากในพื้นที่ที่มีความเปราะบางต่อความร้อน
- ประมาณ 1 ใน 3 อยู่ใน แอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา
- ส่วนที่เหลืออยู่ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้
ทำไม “อาเซียน” ถึงเป็นจุดเสี่ยงร้อนที่สุดของโลก
รายงานนี้แสดงให้เห็นว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกจัดให้เป็น “Hotspot” ของผลกระทบความร้อนเฉพาะจุดจากการตัดไม้ ด้วยเหตุผลหลักคือ
- ความหนาแน่นประชากรสูงในพื้นที่ที่ “เคย” มีป่าไม้
- การขยายพื้นที่เพาะปลูกเชิงพาณิชย์ เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา พืชพลังงาน
- ความเสี่ยงจากไฟป่า และภัยพิบัติทางสภาพอากาศที่เพิ่มขึ้น
กรณีของประเทศไทย เช่น จังหวัดในภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในระดับสูง ขณะเดียวกันมีรายงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุว่า พื้นที่ป่าลดลงเหลือน้อยกว่า 31% ของพื้นที่ประเทศ (ปี 2024)
ทั้งนี้ การลดลงของพื้นที่ป่าไม่เพียงเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่กำลังกระทบต่อ
- สุขภาพประชาชน
- ศักยภาพการผลิตอาหาร
- ความมั่นคงด้านพลังงานและน้ำ
- เสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
SDGs และโอกาสของการลงทุนสีเขียวในภูมิภาค
งานวิจัยนี้ตอกย้ำความสำคัญของการลงทุนใน “ธรรมชาติ” โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 13 (SDG13: Climate Action) และเป้าหมายที่ 15 (SDG15: Life on Land) ซึ่งเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ฟื้นฟูระบบนิเวศ บริหารจัดการป่าไม้และที่ดินอย่างยั่งยืน
หลายประเทศเริ่มปรับนโยบาย อาทิ
อินโดนีเซีย ผลักดันโมเดลเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำผ่านการปลูกป่าทดแทน
มาเลเซีย พัฒนาระบบเก็บข้อมูลความร้อนในพื้นที่เกษตรเพื่อลดความเสี่ยงสุขภาพ
เวียดนาม เสนอมาตรการชดเชยคาร์บอนจากการรักษาป่า (Carbon Offset)
สำหรับประเทศไทย แนวทางหนึ่งที่ถูกเสนอคือการผนวก “ธรรมาภิบาลป่าไม้” (Forest Governance) เข้ากับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการขับเคลื่อน BCG Economy Model เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานชีวภาพควบคู่การอนุรักษ์
บทเรียน “ป่าคือชีวิต”
จากมุมมองเชิงนโยบาย บทสรุปที่ชัดเจนจากงานวิจัยนี้คือ การตัดไม้ทำลายป่าไม่ใช่ปัญหาสิ่งแวดล้อมล้วนๆ อีกต่อไป แต่คือ “ภัยสุขภาพ” และ “ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ” ที่สามารถประเมินความเสียหายเป็นตัวเลขมนุษย์และเม็ดเงินได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น การลงทุนในระบบนิเวศและการปกป้องป่าไม้ จึงควรถูกมองเป็นการ “ประกันความอยู่รอดของเศรษฐกิจ” เช่นเดียวกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือระบบสาธารณสุข ...สุดท้ายเราแอบหวังลึกๆ ว่าเอเชียและไทยจะหยุดตัดไม้ทำลายป่าเพื่อ(อ้าง)การพัฒนา…แล้วก็ใช้เงินมารักษาเยียวยาทั้งธรรมชาติที่พังและคนที่ร้อนจนป่วยตาย