การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (UN Climate Change Conference) หรือ COP30 ที่จัดขึ้นต่อเนื่องในสองสัปดาห์ ได้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของวาระการประชุม ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ย. 2568)
ล่าสุด ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความในเพจ Sonthi Kotchawat ระบุว่า สถานการณ์ล่าสุด COP30 ได้เปลี่ยนจากภาวะโลกเดือด เป็นโลกรวน…
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO เผยแพร่รายงานสถานะสภาพภูมิอากาศโลก (State of the Global Climate Update) สำหรับการประชุม สุดยอดผู้นำของการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (COP30) ณ เมืองเบเลง ประเทศบราซิล ดังนี้
1.ตามรายงานสถานะสภาพอากาศโลกจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่าอุณหภูมิที่สูงผิดปกติยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับสองหรือสามเท่าที่มีการบันทึกไว้
2.รายงานสถานะสภาพภูมิอากาศ (State of the Climate Update) ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เปิดเผยว่า 11 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2558- 2568) จะเป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยแต่ละปีจะมีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิสูงสุดที่เคยมีมา ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก ในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม พ.ศ. 2568 อยู่ที่ 1.42 องศาเซลเซียส สูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม 0.12 องศาเซลเซียส ซึ่งตอกย้ำถึงอัตราการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เร่งตัวขึ้น
3.ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนและปริมาณความร้อนในมหาสมุทร ซึ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี พ.ศ. 2567 ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ.2568 พื้นที่น้ำแข็งในทะเลอาร์กติกหลังจากน้ำแข็งในฤดูหนาวมีระดับต่ำสุดเป็นประ วัติการณ์ และพื้นที่น้ำแข็งในแอนตาร์กติกมีระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปี แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในระยะยาวยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและชั่วคราวอันเนื่องมาจากปัจจัยทางธรรมชาติ
4.เหตุการณ์รุนแรงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศ จนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2568 ตั้งแต่ฝนตกหนักและน้ำท่วม ไปจนถึงความร้อนจัดและไฟป่า ล้วนส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อชีวิตความเป็นอยู่ และระบบอาหาร ส่งผลให้เกิดการอพยพในหลายภูมิภาค กระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
