รายงาน The Lancet Countdown on Health and Climate Change ฉบับล่าสุด (2025) ที่ตีพิมพ์โดยวารสารการแพทย์ชื่อดัง The Lancet และจัดทำร่วมกับ องค์การอนามัยโลก (WHO) และมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) เผยว่าความร้อนจากภาวะโลกร้อนกำลังคร่าชีวิตมนุษย์เฉลี่ย “นาทีละ 1 คน” ทั่วโลก ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้นกว่า 23% นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990s
รายงานระบุว่า ระหว่างปี 2012–2021 มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนเฉลี่ย กว่า 546,000 คนต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการเสียชีวิต 1 รายในทุกๆ นาที โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้ แอฟริกา และละตินอเมริกา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนจำนวนมากต้องทำงานกลางแจ้งภายใต้อุณหภูมิสูงจัด
“เรากำลังเห็นผู้คนหลายล้านคนเสียชีวิตโดยไม่จำเป็นทุกปี เพราะความล่าช้าในการลดการปล่อยคาร์บอนและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ แต่คือชีวิตจริงของมนุษย์”
— ดร.มารีนา โรมาเนลโล ผู้อำนวยการรายงานจาก UCL ระบุ
โลกร้อนมากขึ้น เสียหายหนักขึ้น
ข้อมูลจากรายงานระบุว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มนุษย์ทั่วโลกต้องเผชิญกับวันที่อันตรายจากความร้อน เฉลี่ยถึง 19 วันต่อปี โดยมีอย่างน้อย 16 วัน ที่จะไม่ร้อนถึงระดับนั้น หากไม่มีภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์
เฉพาะในปี 2024 เพียงปีเดียว ความร้อนที่รุนแรงทำให้แรงงานทั่วโลกสูญเสียเวลาทำงานรวมกว่า 639,000 ล้านชั่วโมง คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 37 ล้านล้านบาท โดยประเทศที่ยากจนที่สุดได้รับผลกระทบหนักที่สุด
“ตัวเลขนี้น่าตกใจ หนึ่งชีวิตที่เสียไปทุกนาทีจากความร้อนคือสิ่งที่ป้องกันได้ทั้งหมด หากเราลงมือจริงในการลดการปล่อยคาร์บอน”
— ศาสตราจารย์ออลลี่ เจย์ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ หนึ่งในทีมผู้วิเคราะห์ กล่าว
เชื้อเพลิงฟอสซิลยังถูกอุดหนุนวันละ 2,500 ล้านดอลลาร์
แม้ผลกระทบจะรุนแรงขึ้นทุกปี แต่รายงานชี้ว่ารัฐบาลทั่วโลกยังคงอุดหนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลรวมกว่า 956,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2023 หรือเฉลี่ยวันละ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บริษัทพลังงานรายใหญ่ 100 อันดับแรกทั่วโลกยังคงขยายการผลิตมากกว่าเป้าหมายของข้อตกลงปารีสถึง 3 เท่า ซึ่งอาจทำให้โลกอุ่นขึ้นเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียสในไม่ช้า
ลอรา คลาร์ก จากองค์กรกฎหมายสิ่งแวดล้อม ClientEarth ระบุว่า “คลื่นความร้อน น้ำท่วม และภัยแล้ง ไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป มันกำลังเกิดขึ้นตอนนี้ แต่เรายังทุ่มเงินให้กับเชื้อเพลิงฟอสซิลมากกว่าการปกป้องผู้คน”
นักวิทยาศาสตร์ย้ำ “ต้องยุติการเสพติดฟอสซิล”
ทีมวิจัยจาก WHO และ UCL ย้ำว่า การแก้ปัญหาต้องเกิดพร้อมกันทั้ง 3 ด้าน ได้แก่
- การลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและเร่งพลังงานสะอาด
- การปรับตัวของเมืองและสังคมเพื่อลดความเสี่ยงจากความร้อน
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคอาหารและการใช้พลังงานให้เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศ
ดร.โรมาเนลโล ทิ้งท้ายว่าความเสียหายต่อชีวิตและความเป็นอยู่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าเราจะเลิกเสพติดเชื้อเพลิงฟอสซิล การไม่ทำอะไรเลยคือการปล่อยให้คนตายมากขึ้นทุกปี
