“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น การหลอกลวงครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับโลก”
— โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในสุนทรพจน์เวทีการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA)
ดูท่า เสียงของทรัมป์ที่ประกาศกลางเวที UNGA จะไม่มีผลต่อความตั้งใจเดินเครื่องเต็มกำลังสู่มหาอำนาจด้านพลังงานสะอาดของจีน เพราะอีกฟากหนึ่งของเวทีเดียวกัน จีนกลับแสดงจุดยืนในทิศทางตรงกันข้าม ด้วยการประกาศเป้าหมายใหม่ในการลดการปล่อยมลพิษ
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แถลงผ่านวิดีโอในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ว่า จีนตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกราว 7–10% จากระดับสูงสุดในช่วงทศวรรษหน้า ซึ่งถือเป็นเป้าหมายเชิงระบบเศรษฐกิจครั้งล่าสุดของประเทศที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดในโลก
แม้เป้าหมายดังกล่าวจะยังต่ำกว่าที่หลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลไบเดน เคยเรียกร้องไว้ที่ 30% แต่ท่าทีของจีนก็ยังถือว่ามีความหมายในเวทีนานาชาติอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า จีนคือผู้นำโลกด้านพลังงานหมุนเวียนทั้งในแง่การผลิตและการใช้งานจริง

“พลังงานสะอาด” จุดแข็งของจีน
ตามรายงานจาก Global Energy Monitor ขณะนี้จีนกำลังก่อสร้างโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ทั่วประเทศ โดยมีแผนติดตั้งกำลังผลิตรวมอีก 510 กิกะวัตต์ จากโซลาร์ฟาร์มและกังหันลมระดับยูทิลิตี้ ซึ่งจะเสริมกับกำลังผลิตที่มีอยู่แล้วจำนวน 1,400 กิกะวัตต์
เมื่อรวมทั้งหมด จีนมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเพิ่มพลังงานหมุนเวียนเป็น 3,600 กิกะวัตต์ ภายในปี 2030 ซึ่งเป็นระดับที่มากกว่าที่มีในปี 2020 ถึง 6 เท่า และมากกว่าที่สหรัฐฯ ติดตั้งใช้งานอยู่ในปัจจุบันถึงหลายเท่าตัว
การปล่อยคาร์บอนของจีนอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว
ก่อนหน้านี้ จีนเคยให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนสูงสุด ภายในปี 2030 แต่ข้อมูลจากการวิเคราะห์ล่าสุดชี้ว่า จุดสูงสุดนั้นอาจเกิดขึ้นแล้วเร็วกว่าเป้าหมายถึง 5 ปี และการปล่อยมลพิษกำลังเริ่มลดลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ
โลกต้องเดินหน้า ไม่ถอยหลัง วลี “สี จิ้นผิง”
ในถ้อยแถลงของสี จิ้นผิง ย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและการลดคาร์บอนคือ แนวโน้มของยุคสมัย พร้อมแสดงท่าทีตำหนิบางประเทศที่ยังเดินหน้าสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลว่าเป็นการถอยหลังลงคลอง
“การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำคือแนวโน้มของยุคสมัย ขณะที่บางประเทศยังคัดค้าน เราควรให้ความสนใจกับทิศทางที่ถูกต้อง”
— สี จิ้นผิง กล่าว โดยไม่เอ่ยชื่อประเทศใดโดยตรง
นักวิเคราะห์เชื่อเป้าหมายจีน “ยังไม่พอ” แต่มีพลังขับเคลื่อนจริง
Li Shuo ผู้อำนวยการ China Climate Hub แห่ง Asia Society Policy Institute กล่าวในแถลงการณ์ว่า แม้เป้าหมายใหม่ของจีนจะไม่ถึงขั้น “ทะเยอทะยาน” ตามที่โลกต้องการ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม
“เป้าหมายที่ประกาศออกมาอาจสร้างความผิดหวังให้กับนักสิ่งแวดล้อม และยังไม่เทียบเท่ากับบทบาทผู้นำโลกด้านภูมิอากาศที่หลายฝ่ายคาดหวังจากจีน... แต่ข่าวดีคือ จีนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆ ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง”
COP30 ที่บราซิล สายตาทั้งโลกจับจ้องจีน
คำประกาศของจีนครั้งนี้มีขึ้นก่อนหน้าการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (COP30) ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2025 ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ทศวรรษที่โลกต้อง “ลงมือจริง” ในการควบคุมภาวะโลกร้อน ก่อนที่สถานการณ์จะเกินจุดกลับตัว
ในขณะที่บางประเทศมหาอำนาจเริ่มถอนตัวหรือชะลอเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ เสียงเรียกร้องให้จีนรับบท “ผู้นำเชิงบวก” จึงยิ่งดังขึ้น โดยเฉพาะเมื่อจีนมีทั้งศักยภาพด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และอิทธิพลต่อระบบอุตสาหกรรมโลก