ในขณะที่หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกยังลังเลต่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ฟอร์เรสต์ เมทัลส์ กรุ๊ป (Fortescue Metals Group) หนึ่งในผู้ผลิตแร่เหล็กรายใหญ่ของโลก ภายใต้การนำของ แอนดรูว์ ฟอร์เรสต์ กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมเหมืองแร่ด้วยแผนการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างแท้จริง หรือที่เรียกว่า “Real Zero” โดยไร้การพึ่งพา “เครดิตคาร์บอน”
แอนดรูว์ ฟอร์เรสต์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Fortescue มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 1.6 หมื่นล้านเหรียญตามการประเมินของฟอร์บส์ ยอมรับว่าบริษัทของเขาคือหนึ่งในผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ของโลก แต่กำลังเดินหน้าปฏิรูปธุรกิจครั้งใหญ่เพื่อยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลภายใน 5 ปี ด้วยการนำเทคโนโลยีสีเขียว เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว พลังงานแอมโมเนีย และการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้เต็มรูปแบบ

ก้าวแรกบนเรือ Green Pioneer สัญลักษณ์ของอนาคตพลังงานสะอาด
ฟอร์เรสต์ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อต่างประเทศบนเรือ Green Pioneer เรือซัพพลายแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ถูกดัดแปลงเป็นเรือพลังงานแอมโมเนียลำแรกๆ ของโลก ซึ่งจอดเทียบท่าที่แมนฮัตตันในช่วง Climate Week ในนิวยอร์ก พร้อมระบุ แอมโมเนียคือพาหนะของโมเลกุลมหัศจรรย์ที่จะทำให้การขนส่งทางทะเลไร้คาร์บอน
การปฏิเสธเครดิตคาร์บอน
จากหลักคิด Net Zero ฟอร์เรสต์เบนเข็มสู่ Real Zero ท่ามกลางแนวโน้มของหลายบริษัทที่หันมาพึ่งพากลไกเครดิตคาร์บอนเพื่ออ้างความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ฟอร์เรสต์ยืนยันว่า “เครดิตคาร์บอนเป็นเรื่องหลอกลวงและแทบไม่มีค่า แต่แนวคิด Real Zero ต่างหากที่จะลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจริงๆ โดยไม่พึ่งพาการชดเชย”
เหมืองแร่ไร้ถ่านหิน ยุคพลังงานสีเขียว
Fortescue มีแผนเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ดีเซลในเหมืองเป็นระบบไฟฟ้า สร้างฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์และลมเพื่อเลี้ยงการดำเนินงาน ใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า และพัฒนาโรงงานผลิต “เหล็กสีเขียว” ที่ใช้ไฮโดรเจนสีเขียวแทนถ่านหินในการแปรรูปแร่เหล็ก
ไซมอน นิโคลัส นักวิเคราะห์จาก IEEFA ระบุว่า หาก Fortescue สามารถผลิตเหล็กจากแร่เหล็กของตัวเองได้ 100 ล้านตันต่อปีโดยใช้ไฮโดรเจนสีเขียว แม้เพียงใกล้เคียงเป้าหมายก็จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหนักนี้อย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ ฟอร์เรสต์ยอมรับว่าเทคโนโลยีนี้ยังมีต้นทุนสูงและต้องพิสูจน์ความสามารถในการแปรรูปแร่คุณภาพต่ำ นอกจากนี้ การทำเหมืองยังสร้างผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อระบบนิเวศ เช่น การทำลายป่าและหน้าดิน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็น “Real Zero” อย่างแท้จริง
เบื้องหลังแรงบันดาลใจจากชีวิตจริง
แรงผลักดันสำคัญของฟอร์เรสต์มาจากอุบัติเหตุปีนเขาในปี 2014 ที่ทำให้เขาต้องใช้รถเข็นชั่วคราว หลังจากนั้นเขาได้ศึกษาต่อด้านนิเวศวิทยาทางทะเล และเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของตนเองสู่การแก้ไขปัญหาวิกฤตภูมิอากาศผ่านมูลนิธิ Minderoo ที่เขาก่อตั้ง
“นี่คือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่าความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองใดๆ ผมเชื่อว่าเราต้องทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อหยุดยั้งภัยนี้”
— ฟอร์เรสต์ กล่าว
ฟอร์เรสต์โต้แย้งกับมุมมองของรัฐบาลบางประเทศที่มองว่าการลงทุนด้านพลังงานสะอาดเป็นภาระ เขากลับมองว่า Fortescue คือ “นักธุรกิจที่จริงจังที่สุดในโลก” ที่พิสูจน์ได้ว่าการทำกำไรจากธุรกิจและความยั่งยืนสามารถไปด้วยกันได้
กรณีของฟอร์เรสต์และ Fortescue นับเป็นตัวอย่างชัดเจนของการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมหนักสู่พลังงานสะอาด ด้วยเทคโนโลยีใหม่ และวิสัยทัศน์ “Real Zero” ที่ท้าทายแนวคิดเดิมของตลาดคาร์บอนเครดิต งานนี้เชื่อเลยว่าคู่แข่งธุรกิจกำลังจับตาดูว่าการเดินหน้าของเหมืองแร่รายใหญ่นี้ว่าจะเปลี่ยนอนาคตอุตสาหกรรมพลังงานและโลหะหนักแบบพลิกโฉมโลกแค่ไหน