หนักกว่าไทย? ฝรั่งเศสเจอวิกฤตการเมือง แต่งตั้งนายกฯ คนที่ 5 ในเวลาไม่ถึง 2 ปี

9 ก.ย. 2568 - 04:23

  • ฝรั่งเศสกำลังเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหม่ เมื่อนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู พ่ายแพ้ในการลงมติ ‘ไม่ไว้วางใจ’ ในรัฐสภาด้วยคะแนนเสียง 364 ต่อ 194

  • นั่นหมายความว่าในวันอังคารนี้ (9 ก.ย.) บายรูจะต้องยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งขณะนี้ มาครงต้องตัดสินใจว่าจะตั้งใครขึ้นมาแทน

  • ทั้งนี้ มีการคาดเดาว่ามาครงอาจหันไปแต่งตั้งนายกฯ ฝ่ายซ้าย หลังจากที่ผ่านมา ล้มเหลวกับการแต่งตั้งมีแชล บาร์นีเย ผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยม และบายรู ผู้นำจากพรรคฝ่ายกลาง

หนักกว่าไทย? ฝรั่งเศสเจอวิกฤตการเมือง แต่งตั้งนายกฯ คนที่ 5 ในเวลาไม่ถึง 2 ปี

ฝรั่งเศสกำลังเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหม่ เมื่อนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู พ่ายแพ้ในการลงมติ ‘ไม่ไว้วางใจ’ ในรัฐสภาด้วยคะแนนเสียง 364 ต่อ 194 นั่นหมายความว่าในวันอังคารนี้ (9 ก.ย.) บายรูจะต้องยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งขณะนี้ มาครงต้องตัดสินใจว่าจะตั้งใครขึ้นมาแทน แต่แถลงการณ์จากทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า “มาครงจะดำเนินการนี้ ‘ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า’”  

สำหรับทางเลือกต่างๆ ที่มี ได้แก่ การแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่จากฝ่ายพรรคกลางขวา หรือหันไปหาตัวแทนจากพรรคฝ่ายซ้ายโดยหานายกฯ ที่เข้ากับพรรคสังคมนิยม และยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ ทว่าฝ่ายค้านของมาครงอย่างพรรคลาฟร็องแซ็งซูมีซ ฝ่ายซ้ายสุดโต่ง กำลังเรียกร้องให้เขาลาออกด้วยตัวเอง แต่บรรดานักวิจารณ์ส่วนใหญ่ไม่คิดว่า ‘น่าจะเป็นไปได้’ 

ฝรั่งเศสกำลังจะได้นายกฯ คนที่ 5 ในเวลาไม่ถึง 2 ปี  ซึ่งเป็นสถิติที่น่าผิดหวัง ตอกย้ำถึงความล่องลอยและความผิดหวังที่เกิดขึ้นในช่วงการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดีมาครง 

การล่มสลายของบายรูเกิดขึ้นหลังจากที่เขาประกาศให้รัฐบาลของเขาร่วมการอภิปรายความเชื่อมั่นอย่างเร่งด่วนในประเด็น ‘หนี้สินของฝรั่งเศส’(อ่านเพิ่มเติม : การคลังฝรั่งเศสวิกฤติ! หนี้รัฐบาลพุ่ง 3.3 ล้านล้านยูโร อาจถึงขั้นต้องกู้ IMF เยียวยาเศรษฐกิจประเทศ)

บายรูใช้เวลาช่วงฤดูร้อนเตือนถึงภัยคุกคาม ‘ต่อการดำรงอยู่’ ของฝรั่งเศส หากฝรั่งเศสไม่เริ่มจัดการกับปัญหาหนี้สินมูลค่า 3.4 ล้านล้านยูโร (ราว 126 ล้านล้านบาท) ซึ่งในปีงบประมาณ 2026 เขาเสนอให้ยกเลิกวันหยุดราชการ 2 วัน อีกทั้งยังจะหยุดจ่ายสวัสดิการและบำนาญ โดยมีเป้าหมายในการประหยัดงบประมาณ 4.4 หมื่นล้านยูโร (ราว 1.6 ล้านล้านบาท) 

นักวิจารณ์บางคนมองว่าการล่มสลายของบายรูเป็นเหมือน ‘การฆ่าตัวตายทางการเมือง’ เขาไม่จำเป็นต้องเรียกการลงมติไว้วางใจล่วงหน้า และน่าจะใช้เวลาในเดือนต่อมาเพื่อพยายามสร้างฐานสนับสนุน 

ในการกล่าวสุนทรพจน์ก่อนหน้านี้ บายรูได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขามุ่งความสนใจไปที่ประวัติศาสตร์มากกว่าการเมือง โดยบอกกับสมาชิกรัฐสภาว่า “คนรุ่นหลังจะต้องเดือดร้อนหากฝรั่งเศสสูญเสียอิสรภาพทางการเงิน” 

“การยอมจำนนต่อหนี้สินก็เหมือนกับการยอมจำนนต่ออาวุธ” บายรู กล่าว พร้อมเตือนว่า “ระดับหนี้สินในปัจจุบันหมายถึง ‘การผลักเยาวชนให้กลายเป็นทาส’ คุณอาจมีอำนาจที่จะโค่นล้มรัฐบาลได้ แต่คุณไม่สามารถลบล้างความจริงได้”  

ไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บ่งชี้ว่าคำเตือนของบายรูจะส่งผลต่อรัฐสภา หรือฝรั่งเศสโดยรวม ขณะเดียวกัน สส.จากฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาจัดก็กล่าวหาบายรูว่าพยายามปกปิดความรับผิดชอบของตัวเองและของมาครงในการนำพาฝรั่งเศสตกอยู่ในสภาพปัจจุบัน 

นักวิเคราะห์เศรษฐกิจส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงินครั้งใหญ่ในอีกหลายปีข้างหน้า เนื่องจากต้นทุนที่คาดการณ์ไว้ในการชำระหนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 3 หมื่นล้านยูโร (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) ที่ใช้ไปในปี 2020 เป็นมากกว่า 1 แสนล้านยูโร (ราว 3.7 ล้านล้านบาท) ในปี 2030 

ทั้งนี้ มีการคาดเดาว่ามาครงอาจหันไปแต่งตั้งนายกฯ ฝ่ายซ้าย หลังจากที่ผ่านมา ล้มเหลวกับการแต่งตั้งมีแชล บาร์นีเย ผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยม และบายรู ผู้นำจากพรรคฝ่ายกลาง อย่างไรก็ตาม พรรคสังคมนิยมระบุว่าต้องการยุตินโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของมาครงโดยสิ้นเชิง รวมถึงยกเลิกการปฏิรูปเงินบำนาญ ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการทำลายมรดกของประธานาธิบดี 

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่ามาครงจะมองหาบุคคลอื่นในสังกัดของเขาก่อน โดยรายงานระบุว่า มี เซบาสเตียน เลอกอร์นู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, แคทเธอรีน โวแต็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และเอริก ลอมบาร์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่างก็เป็นแคนดิเดตที่มีความเป็นไปได้ในตำแหน่งนี้มากที่สุด 

(Photo by Bertrand GUAY / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์