นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” กำชับจังหวัดติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังในทุกมิติ ให้ความสำคัญกับการสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ และป้องกันไม่ให้โรงพยาบาลและศูนย์พักพิงได้รับผลกระทบ รวมถึงดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ประสบภัยเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนซ้ำซ้อนจากอาชญากรรมและการลักขโมย โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม War room ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวของพายุโซนร้อน “วิภา” พบว่า ขณะนี้พายุวิภาได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในหลายพื้นที่
โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ และเลย รวม 29 อำเภอ 133 ตำบล 531 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 8,775 ครัวเรือน 32,176 คน และมีผู้สูญหาย 1 ราย ซึ่งปัจจุบัน (ข้อมูล ปภ. ณ เวลา 06.00 น.) ระดับน้ำโดยภาพรวมเริ่มลดระดับลง แต่ยังคงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในหลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกเป็นระยะ จึงได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดให้ความสำคัญกับการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่รับผลกระทบ โดยระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบูรณาการการทำงานเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ อพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย และดูแลความเป็นอยู่ รวมถึงความปลอดภัยของประชาชนในทุกมิติ

“จากการประชุมร่วมกับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในวันนี้ ทำให้เห็นว่าจังหวัดได้มีการเตรียมรับมือสถานการณ์และออกปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มกำลังและต่อเนื่อง ขณะนี้แม้สถานการณ์มีแนวโน้มคลี่คลายลง แต่ก็ขอให้จังหวัดยังคงปฏิบัติการตามข้อสั่งการอย่างต่อเนื่อง เน้นการใช้เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ รถสูบส่งน้ำระยะไกล เพื่อสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ และขอให้เฝ้าระวังไม่ให้พื้นที่ที่เป็นโรงพยาบาลและศูนย์พักพิงที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขอให้เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยหากทรัพยากรในพื้นที่ไม่เพียงพอ ให้ประสานมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อจัดรถยกสูง รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย หรือเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 สนับสนุนการปฏิบัติการตามความเหมาะสมต่อไป ในส่วนของประชาชนที่ไม่ได้อพยพออกจากที่อยู่อาศัย ขอให้จังหวัดจัดส่งถุงยังชีพให้กับทุกครัวเรือนตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ขอให้จังหวัดดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งด้านการดำรงชีพ การแพทย์ และการสาธารณสุข รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ต้องอพยพออกจากที่พักอาศัย โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อปพร. อส. และประชาชนจิตอาสา ลงพื้นที่ตรวจตราความเรียบร้อยเพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมและการลักขโมย เพื่อไม่ให้ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนซ้ำซ้อนในช่วงที่เกิดสถานการณ์ภัย ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดเพิ่มการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ภัย ป้องกันความเข้าใจผิด และลดความตื่นตระหนกของประชาชน ตลอดจนขอให้สื่อสารกับประชาชนที่ไม่ประสงค์อพยพออกจากที่อยู่อาศัยด้วยความเข้าใจ โดยกำหนดประเด็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ” นางสาวธีรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าว

ด้านนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ขณะนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ (ERT) และเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย รวมกว่า 129 รายการ กระจายกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้
ส่วนที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตใกล้เคียง ได้เตรียมพร้อมเข้าสนับสนุนปฏิบัติการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตลอด 24 ชม. รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ทีมนักบิน เจ้าหน้าที่กู้ภัยบนอากาศยาน และช่างประจำอากาศยาน “The Guardian Team” ก็อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสำหรับการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนโดยในเฉพาะพื้นที่เข้าถึงยาก

นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เผยว่าในวันนี้ เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป จะนำเฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยเหลือประชาชนที่เข้าถึงยากลำบาก โดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำน่าน และลำน้ำสาขา ที่ไม่ได้อพยพหรืออพยพไม่ทัน เนื่องจากน้ำขึ้นสูงบางจุดมีน้ำที่ไหลเชี่ยว ตอนนี้ได้ระดมทรัพยากรที่มีทั้งในจังหวัด และนอกจังหวัด ภาครัฐ-เอกชน-มูลนิธิ-จิตอาสา ร่วมมือกันอย่างเต็มที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดอยู่ภายในบ้าน การแจ้งขอรับความช่วยเหลือเข้ามา ได้ประสานทุกหน่วยงานที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าไปช่วยเหลือตามลำดับ
ล่าสุดฝนยังตกสลับหยุดไปตลอดทั้งวัน น้ำที่เข้าท่วมตอนนี้เริ่มลดระดับลงไม่มากแต่ยังถือว่าเป็นข่าวดี เช่น ท่าวังผา-เชียงกลาง-ปัว เริ่มลดลงมาบ้างแล้วแต่ยังมีบางจุดที่ยังประสบภัยและสูงอยู่, ภูเพียง-เมืองน่าน ยังมีระดับน้ำที่ท่วมสูง, เวียงสา กำลังรับมวลน้ำจากทางตอนเหนือ ทุกสะพานข้ามแม่น้ำน่านไม่สามารถข้ามไป-มาได้ โปรดวางแผนการเดินทางให้ดี
ขณะนี้สัญญาณอินเตอร์เน็ตอาจติดขัดเนื่องจากเสาสัญญาณถูกน้ำท่วม และถูกตัดกระแสไฟฟ้า ได้ประสานไปยังบริษัทผู้ให้บริการเร่งนำรถโมบายมาติดตั้ง เพื่อบริการประชาชน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะยังคงติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนภัยประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัย พื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews รวมถึงรับการแจ้งเตือนภัยแบบเรียลไทม์แบบลงลึกในระดับพื้นที่ได้ทางแอปพลิเคชัน Thai Disaster Alert (TDA) ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อนผ่าน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือต่อไป