อัปเดตสถานการณ์พายุ “คัลแมกี” (KALMAEGI) ล่าสุดได้ทวีกำลังแรงขึ้นจากพายุโซนร้อน กลายเป็น “พายุไต้ฝุ่น” ระดับ 1 มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของฟิลิปปินส์

กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” เช้านี้ 4 พ.ย. 2568 ยังมีศูนย์กลางอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกที่คาดว่าจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ ช่วงรอยต่อระหว่างคืนวันที่ 4 ถึงเช้าวันที่ 5 พ.ย. 2568 และจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ช่วง 6-7 พ.ย. 2568
หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ และสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน โดยจะเริ่มทางภาคอีสานก่อน (จ.อุบลราชธานี) ในวันที่ 7 พ.ย. 2568
ถึงแม้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้วก็ตาม แต่ยังมีโอกาสทำให้ประเทศไทยตอนบนมีเมฆฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณภาคอีสาน (จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร) ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในวันถัดไป โดยจะยังต้องติดตามและประเมินเป็นระยะๆ เนื่องจากทิศทางและกำลังของพายุฯ ยังมีเปลี่ยนแปลง ช่วงนี้จึงต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือ เฝ้าระวังฝนตกหนักอาจมีน้ำท่วมขังได้ และอาจส่งผลกระทบกับผลผลิตที่กำลังตากและเก็บเกี่ยว ได้รับความเสียหายได้ (ข้าวนาปี) และอาจมีน้ำขัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้

“คัลแมกี” ผลพวงโลกร้อนที่รุนแรงขึ้น
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย เปิดเผยว่า พายุคัลแมกี ซึ่งทวีความรุนแรงจนกลายเป็น “พายุไต้ฝุ่น” ลูกที่ 20 ในรอบปีที่พัดถล่มประเทศฟิลิปปินส์ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าอุณหภูมิโลกที่ร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ได้ส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิอากาศของโลก น้ำทะเลที่อุ่นขึ้นเกินกว่า 26 องศาเซลเซียส ทำให้การระเหยของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบรรยากาศที่ร้อนขึ้นก็สามารถกักเก็บความชื้นได้มากกว่าเดิม ความชื้นจำนวนมหาศาลนี้จึงรวมตัวกลายเป็นกลุ่มเมฆหนาแน่น และเมื่อรวมพลังกันจะก่อให้เกิดพายุหมุนที่มีฝนตกหนักและลมแรง
“โลกร้อนขึ้นทุกปี เรากำลังเห็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีจำนวนมากขึ้นและแรงขึ้น น้ำทะเลอุ่นคือพลังงานของพายุ ยิ่งทะเลร้อน พายุก็ยิ่งทวีความรุนแรง การไม่ปรับตัวตั้งแต่วันนี้ จะทำให้มนุษย์อยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ”
— ดร.สนธิ ระบุ

ทำความเข้าใจ “พายุไต้ฝุ่น”
พายุไต้ฝุ่น คือพายุหมุนเขตร้อนที่มีศูนย์กลางความกดอากาศต่ำ ลมแรง และฝนตกหนัก เกิดขึ้นเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ จะมีชื่อเรียกต่างกัน เช่น “เฮอริเคน” ในมหาสมุทรแอตแลนติก และ “ไซโคลน” ในมหาสมุทรอินเดีย
พายุเริ่มจาก “พายุดีเปรสชันเขตร้อน” เมื่อความเร็วลมเกิน 39 ไมล์ต่อชั่วโมง จะยกระดับเป็นพายุโซนร้อน และหากลมแรงถึง 74 ไมล์ต่อชั่วโมงขึ้นไป จะจัดเป็น “พายุไต้ฝุ่น” อย่างเป็นทางการ
การก่อตัวของพายุขึ้นอยู่กับอุณหภูมิน้ำทะเลที่อุ่น ซึ่งเป็นพลังงานหลักของพายุ ประกอบกับปรากฏการณ์คอริโอลิสที่ทำให้พายุหมุนทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือและตามเข็มในซีกโลกใต้
โลกเปลี่ยน พายุเปลี่ยน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ “พายุหมุนเขตร้อน” เกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้นทั่วโลก ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นยังทำให้แรงคลื่นจากพายุซัดฝั่งได้รุนแรงกว่าเดิม สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ชายฝั่งและชุมชนมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากมนุษย์ยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยไม่ลดลง โลกอาจต้องเผชิญ “ยุคใหม่ของพายุหมุนรุนแรง” ที่กลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อทั้งชีวิต เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง
พายุลูกนี้คือ “สัญญาณเตือนจากธรรมชาติ” ให้มนุษย์หันมาใส่ใจโลกร้อนอย่างจริงจัง ก่อนที่ภัยธรรมชาติจะรุนแรงเกินกว่าที่เราจะรับมือได้




