“พายุหมุนเขตร้อน” ภัยธรรมชาติที่ไร้พรมแดน แต่ไม่เคยข้าม “เส้นศูนย์สูตร”
แม้จะมีพลังทำลายล้างสูง และสามารถเดินทางได้ไกลนับพันกิโลเมตร แต่ตลอดประวัติศาสตร์การบันทึก “พายุหมุนเขตร้อน” กลับไม่เคยมีพายุลูกใดเคลื่อนข้ามเส้นศูนย์สูตรได้เลย เหตุผลเบื้องหลังปรากฏการณ์นี้คืออะไร และอนาคตจะเปลี่ยนไปหรือไม่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

จากหย่อมความกดอากาศต่ำ สู่พายุหมุนเขตร้อน
พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ก่อตัวขึ้นเหนือพื้นผิวน้ำทะเลอุ่นในเขตร้อน โดยเริ่มต้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำ ก่อนจะทวีความรุนแรงจากการสะสมพลังงานจากไอน้ำในชั้นบรรยากาศ
ระดับความรุนแรงของพายุถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับตามความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง ได้แก่
- ดีเปรสชัน (Depression) > ความเร็วลมน้อยกว่า 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- พายุโซนร้อน (Tropical Storm) > 63 ถึง 117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- พายุไต้ฝุ่น / เฮอร์ริเคน / ไซโคลน > ตั้งแต่ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไป
ชื่อเรียกของพายุหมุนจะแตกต่างกันตามภูมิภาคที่ก่อตัว เช่น
- มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก > ไต้ฝุ่น
- มหาสมุทรอินเดีย > ไซโคลน
- มหาสมุทรแอตแลนติก > เฮอร์ริเคน
- รอบออสเตรเลีย > วิลลี่ วิลลี่
แล้วซูเปอร์ไต้ฝุ่นล่ะ?
นอกจาก 3 ระดับพายุตามความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง ยังมี ซูเปอร์ไต้ฝุ่น (Super Typhoon) หรือพายุหมุนเขตร้อนระดับความรุนแรงสูงสุด ที่จำแนกระดับความรุนแรงเพิ่มเติมจากคำว่า “ไต้ฝุ่น” เพื่อเน้นว่าพายุมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางสูงมากเป็นพิเศษจนจัดอยู่ในระดับที่อันตรายอย่างยิ่ง ตามการจำแนกของ Joint Typhoon Warning Center (JTWC) ของสหรัฐฯ พายุจะถูกจัดให้เป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น เมื่อมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางพายุมากกว่า 130 น็อต หรือประมาณ 241 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับเฮอร์ริเคนระดับ 4 หรือ 5 ตามมาตราวัด Saffir–Simpson ที่ใช้ในแอตแลนติก

ทำไมพายุหมุนจึงไม่เคยข้ามเส้นศูนย์สูตร?
แม้พายุหมุนเขตร้อนจะสามารถเดินทางได้ไกลข้ามทวีป แต่ยังไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าพายุลูกใดเคยข้ามเส้นศูนย์สูตรได้สำเร็จ
สาเหตุหลักคือ แรงคอริออลิส (Coriolis Force) ซึ่งเป็นแรงเสมือนที่เกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการหมุนของพายุ
- ในซีกโลกเหนือ พายุจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา
- ในซีกโลกใต้ พายุจะหมุนตามเข็มนาฬิกา
บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร (ละติจูด 0–5 องศา) จะมีแรงคอริออลิสที่อ่อนหรือแทบไม่มีเลย ทำให้ไม่สามารถสร้างแรงหมุนเพียงพอในการขับเคลื่อนหรือคงรูปพายุหมุนได้ ผลคือพายุที่ก่อตัวในซีกโลกหนึ่งไม่สามารถเคลื่อนผ่านไปอีกซีกโลกหนึ่งได้
“แรงคอริออลิสทำหน้าที่เบี่ยงลมไปทางขวาในซีกโลกเหนือและไปทางซ้ายในซีกโลกใต้ แรงนี้เองที่ทำให้ระบบพายุโซนร้อนมีการหมุนวนอันเป็นเอกลักษณ์ คือหมุนทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือและหมุนตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้”
— อเล็กซ์ ดาซิลวา ผู้เชี่ยวชาญด้านพายุเฮอริเคนจาก AccuWeather อธิบาย
ช่องว่างแห่งพายุ
อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจคือ มหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ซึ่งแทบไม่เคยเกิดพายุหมุนเขตร้อนเลย ด้วยปัจจัยทางธรรมชาติหลายประการ ได้แก่
- อุณหภูมิน้ำทะเลต่ำเกินไป ไม่เอื้อต่อการก่อตัวของพายุ
- กระแสน้ำเย็นจากเปรู (Peru Current) ไหลเวียนในแถบแปซิฟิกตะวันออกเฉียงใต้
- ลมเฉือนในแนวตั้งสูง ขัดขวางการรวมตัวของพายุ
- ไม่มีคลื่นลมตะวันออกจากแอฟริกา ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการรวมกลุ่มของกลุ่มฝนเหมือนในแอตแลนติกเหนือ
อย่างไรก็ตาม มีบันทึกการเกิดพายุในพื้นที่นี้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น ได้แก่ เฮอริเคนคาตารีน่า (Hurricane Catarina) ในปี 2004, พายุโซนร้อนแอนนิต้า (Anita) ในปี 2010 และพายุโซนร้อนอารณี (Arani) ในปี 2011 ซึ่งพายุเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ผิดปกติในช่วงเวลานั้น

ประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตรรอดพ้น แต่ไม่ใช่ตลอดไป
ประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มักจะไม่พบการเคลื่อนผ่านของพายุหมุนเขตร้อน เนื่องจากอยู่ใน “โซนปลอดแรงคอริออลิส” แต่ก็มีข้อยกเว้นบางกรณี
หนึ่งในพายุที่เข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรมากที่สุดคือ พายุไต้ฝุ่นวาเม (Typhoon Vamei) เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2001 ซึ่งก่อตัวที่ละติจูดเพียง 1.4 องศาเหนือ ห่างจากเส้นศูนย์สูตรเพียง 160 กิโลเมตร ถือเป็นพายุที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึก
สัญญาณจากโลกร้อน เมื่อภูมิภาคที่เคยปลอดภัยอาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศชี้ว่า ภาวะโลกร้อน เป็นปัจจัยที่เริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพายุหมุนเขตร้อน
- อุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้พายุมีแนวโน้มก่อตัวได้ง่ายและเร็วขึ้น
- ความรุนแรงของพายุเพิ่มขึ้น
- บางพื้นที่ที่ไม่เคยมีพายุ อาจเริ่มเสี่ยงต่อการเกิดพายุในอนาคต
รายงานทางวิชาการจำนวนมากชี้ว่า หากโลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ขอบเขตการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนขยายตัวไปยังพื้นที่ที่ไม่เคยมีความเสี่ยงมาก่อน ซึ่งอาจรวมถึงพื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และแอตแลนติกใต้ที่เคยเป็น “โซนปลอดภัย”
พายุหมุนเขตร้อนยังคงเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่ทรงพลังและไม่อาจคาดเดาได้ แม้ “แรงคอริออลิส” จะยังคงทำหน้าที่เป็น “กำแพงธรรมชาติ” ที่ป้องกันพายุไม่ให้ข้ามผ่านเส้นศูนย์สูตร แต่สภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังท้าทายข้อจำกัดนั้น
คำถามสำคัญคือ หากวันหนึ่งเส้นแบ่งทางธรรมชาติไม่แน่นอนอีกต่อไปเพราะโลกร้อน หรือพายุสามารถข้ามเส้นศูนย์สูตรได้จริง โลกจะพร้อมรับมือกับผลกระทบนั้นแล้วหรือยัง?