รู้หรือไม่ ‘พายุหมุนเขตร้อน’ ไม่เคยข้ามเส้นศูนย์สูตร แต่กฎธรรมชาติอาจเปลี่ยนไปเพราะโลกร้อน

22 ก.ย. 2568 - 09:51

  • ทำไม “พายุหมุนเขตร้อน” ภัยธรรมชาติที่รุนแรงและไร้พรมแดน กลับไม่เคยข้าม “เส้นศูนย์สูตร”

  • รู้จัก “แรงคอริออลิส” กำแพงธรรมชาติใกล้ศูนย์สูตร สาเหตุที่จะทำให้พายุหมุนตัวและคงรูปได้

  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจเปลี่ยนแปลงสมดุล ทำให้พื้นที่ที่เคยปลอดภัยกลายเป็นจุดเสี่ยงภัยพิบัติในอนาคต

รู้หรือไม่ ‘พายุหมุนเขตร้อน’ ไม่เคยข้ามเส้นศูนย์สูตร แต่กฎธรรมชาติอาจเปลี่ยนไปเพราะโลกร้อน

“พายุหมุนเขตร้อน” ภัยธรรมชาติที่ไร้พรมแดน แต่ไม่เคยข้าม “เส้นศูนย์สูตร”

แม้จะมีพลังทำลายล้างสูง และสามารถเดินทางได้ไกลนับพันกิโลเมตร แต่ตลอดประวัติศาสตร์การบันทึก “พายุหมุนเขตร้อน” กลับไม่เคยมีพายุลูกใดเคลื่อนข้ามเส้นศูนย์สูตรได้เลย เหตุผลเบื้องหลังปรากฏการณ์นี้คืออะไร และอนาคตจะเปลี่ยนไปหรือไม่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

sustainability-cyclone-equator-barrier-climate-change-SPACEBAR-Photo01.jpg

จากหย่อมความกดอากาศต่ำ สู่พายุหมุนเขตร้อน

พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ก่อตัวขึ้นเหนือพื้นผิวน้ำทะเลอุ่นในเขตร้อน โดยเริ่มต้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำ ก่อนจะทวีความรุนแรงจากการสะสมพลังงานจากไอน้ำในชั้นบรรยากาศ

ระดับความรุนแรงของพายุถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับตามความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง ได้แก่

  • ดีเปรสชัน (Depression) > ความเร็วลมน้อยกว่า 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • พายุโซนร้อน (Tropical Storm) > 63 ถึง 117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • พายุไต้ฝุ่น / เฮอร์ริเคน / ไซโคลน > ตั้งแต่ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไป

ชื่อเรียกของพายุหมุนจะแตกต่างกันตามภูมิภาคที่ก่อตัว เช่น

  • มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก > ไต้ฝุ่น
  • มหาสมุทรอินเดีย > ไซโคลน
  • มหาสมุทรแอตแลนติก > เฮอร์ริเคน
  • รอบออสเตรเลีย > วิลลี่ วิลลี่

แล้วซูเปอร์ไต้ฝุ่นล่ะ?

นอกจาก 3 ระดับพายุตามความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง ยังมี ซูเปอร์ไต้ฝุ่น (Super Typhoon) หรือพายุหมุนเขตร้อนระดับความรุนแรงสูงสุด ที่จำแนกระดับความรุนแรงเพิ่มเติมจากคำว่า “ไต้ฝุ่น” เพื่อเน้นว่าพายุมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางสูงมากเป็นพิเศษจนจัดอยู่ในระดับที่อันตรายอย่างยิ่ง ตามการจำแนกของ Joint Typhoon Warning Center (JTWC) ของสหรัฐฯ พายุจะถูกจัดให้เป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น เมื่อมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางพายุมากกว่า 130 น็อต หรือประมาณ 241 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับเฮอร์ริเคนระดับ 4 หรือ 5 ตามมาตราวัด Saffir–Simpson ที่ใช้ในแอตแลนติก

อัปเดตสถานการณ์พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” / ภาพ Windy
อัปเดตสถานการณ์พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” / ภาพ Windy

ทำไมพายุหมุนจึงไม่เคยข้ามเส้นศูนย์สูตร?

แม้พายุหมุนเขตร้อนจะสามารถเดินทางได้ไกลข้ามทวีป แต่ยังไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าพายุลูกใดเคยข้ามเส้นศูนย์สูตรได้สำเร็จ

สาเหตุหลักคือ แรงคอริออลิส (Coriolis Force) ซึ่งเป็นแรงเสมือนที่เกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการหมุนของพายุ

  • ในซีกโลกเหนือ พายุจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา
  • ในซีกโลกใต้ พายุจะหมุนตามเข็มนาฬิกา

บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร (ละติจูด 0–5 องศา) จะมีแรงคอริออลิสที่อ่อนหรือแทบไม่มีเลย ทำให้ไม่สามารถสร้างแรงหมุนเพียงพอในการขับเคลื่อนหรือคงรูปพายุหมุนได้ ผลคือพายุที่ก่อตัวในซีกโลกหนึ่งไม่สามารถเคลื่อนผ่านไปอีกซีกโลกหนึ่งได้

“แรงคอริออลิสทำหน้าที่เบี่ยงลมไปทางขวาในซีกโลกเหนือและไปทางซ้ายในซีกโลกใต้ แรงนี้เองที่ทำให้ระบบพายุโซนร้อนมีการหมุนวนอันเป็นเอกลักษณ์ คือหมุนทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือและหมุนตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้”

อเล็กซ์ ดาซิลวา ผู้เชี่ยวชาญด้านพายุเฮอริเคนจาก AccuWeather อธิบาย

ช่องว่างแห่งพายุ

อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจคือ มหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ซึ่งแทบไม่เคยเกิดพายุหมุนเขตร้อนเลย ด้วยปัจจัยทางธรรมชาติหลายประการ ได้แก่

  • อุณหภูมิน้ำทะเลต่ำเกินไป ไม่เอื้อต่อการก่อตัวของพายุ
  • กระแสน้ำเย็นจากเปรู (Peru Current) ไหลเวียนในแถบแปซิฟิกตะวันออกเฉียงใต้
  • ลมเฉือนในแนวตั้งสูง ขัดขวางการรวมตัวของพายุ
  • ไม่มีคลื่นลมตะวันออกจากแอฟริกา ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการรวมกลุ่มของกลุ่มฝนเหมือนในแอตแลนติกเหนือ

อย่างไรก็ตาม มีบันทึกการเกิดพายุในพื้นที่นี้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น ได้แก่ เฮอริเคนคาตารีน่า (Hurricane Catarina) ในปี 2004, พายุโซนร้อนแอนนิต้า (Anita) ในปี 2010 และพายุโซนร้อนอารณี (Arani) ในปี 2011 ซึ่งพายุเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ผิดปกติในช่วงเวลานั้น

sustainability-cyclone-equator-barrier-climate-change-SPACEBAR-Photo02.jpg

ประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตรรอดพ้น แต่ไม่ใช่ตลอดไป

ประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มักจะไม่พบการเคลื่อนผ่านของพายุหมุนเขตร้อน เนื่องจากอยู่ใน “โซนปลอดแรงคอริออลิส” แต่ก็มีข้อยกเว้นบางกรณี

หนึ่งในพายุที่เข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรมากที่สุดคือ พายุไต้ฝุ่นวาเม (Typhoon Vamei) เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2001 ซึ่งก่อตัวที่ละติจูดเพียง 1.4 องศาเหนือ ห่างจากเส้นศูนย์สูตรเพียง 160 กิโลเมตร ถือเป็นพายุที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึก

สัญญาณจากโลกร้อน เมื่อภูมิภาคที่เคยปลอดภัยอาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

ข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศชี้ว่า ภาวะโลกร้อน เป็นปัจจัยที่เริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพายุหมุนเขตร้อน

  • อุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้พายุมีแนวโน้มก่อตัวได้ง่ายและเร็วขึ้น
  • ความรุนแรงของพายุเพิ่มขึ้น
  • บางพื้นที่ที่ไม่เคยมีพายุ อาจเริ่มเสี่ยงต่อการเกิดพายุในอนาคต

รายงานทางวิชาการจำนวนมากชี้ว่า หากโลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ขอบเขตการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนขยายตัวไปยังพื้นที่ที่ไม่เคยมีความเสี่ยงมาก่อน ซึ่งอาจรวมถึงพื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และแอตแลนติกใต้ที่เคยเป็น “โซนปลอดภัย”

พายุหมุนเขตร้อนยังคงเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่ทรงพลังและไม่อาจคาดเดาได้ แม้ “แรงคอริออลิส” จะยังคงทำหน้าที่เป็น “กำแพงธรรมชาติ” ที่ป้องกันพายุไม่ให้ข้ามผ่านเส้นศูนย์สูตร แต่สภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังท้าทายข้อจำกัดนั้น

คำถามสำคัญคือ หากวันหนึ่งเส้นแบ่งทางธรรมชาติไม่แน่นอนอีกต่อไปเพราะโลกร้อน หรือพายุสามารถข้ามเส้นศูนย์สูตรได้จริง โลกจะพร้อมรับมือกับผลกระทบนั้นแล้วหรือยัง?

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์