เทรนด์เที่ยวเปลี่ยนไป เมื่อความยั่งยืนกลายเป็นภารกิจร่วมของนักเดินทางและชุมชน

28 ส.ค. 2568 - 03:04

  • 53% ของนักเดินทางทั่วโลก เริ่มตระหนักถึงผลกระทบของตนที่มีต่อชุมชนท้องถิ่น ไม่จำกัดแค่สิ่งแวดล้อม

  • นักท่องเที่ยวชาวไทย 89% ต้องการให้เงินที่ใช้จ่ายระหว่างเดินทางหมุนเวียนกลับสู่ชุมชนในพื้นที่

  • พฤติกรรมอย่างยั่งยืนกำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดา กว่า 93% ของนักเดินทางระบุต้องการและพยายามเดินทางโดยลดผลกระทบต่อโลก

เทรนด์เที่ยวเปลี่ยนไป เมื่อความยั่งยืนกลายเป็นภารกิจร่วมของนักเดินทางและชุมชน

ในโลกที่การเดินทางเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า “การเดินทางของฉตัวเองส่งผลกระทบอะไรกับที่ที่ไปบ้าง?” ล่าสุด รายงานการวิจัยปี 2025 จาก Booking.com ฉบับครบรอบ 10 ปี เผยกระแสความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่นไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ระยะสั้นอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “วิถีใหม่ของการท่องเที่ยว”

นักท่องเที่ยวมองลึกกว่าแค่ธรรมชาติ

นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่นักท่องเที่ยวมากกว่าครึ่ง (53%) จาก 32 ประเทศทั่วโลก ระบุว่าพวกเขาตระหนักถึงผลกระทบของการเดินทางที่มีต่อ “ชุมชนท้องถิ่น” ไม่ใช่แค่เรื่อง “สิ่งแวดล้อม” เท่านั้น ข้อมูลนี้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีแนวโน้มใส่ใจชุมชนสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดย 68% ระบุว่าพวกเขาเห็นความสำคัญของผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากการท่องเที่ยว

ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวยุคใหม่ก็กำลังมองหาประสบการณ์แท้จริงที่สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของพื้นที่ เช่นเดียวกับที่พวกเขาต้องการให้ค่าใช้จ่ายของตนหมุนเวียนกลับสู่ชุมชน มากถึง 89% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยระบุเช่นนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่ลึกซึ้งและยั่งยืนกว่าเดิม

สองบทบาทในหนึ่งคน นักท่องเที่ยวก็เป็น “เจ้าบ้าน” เช่นกัน

รายงานของ Booking.com ได้ตั้งคำถามเชิงลึกที่ไม่เพียงแต่สำรวจความคิดของนักเดินทางในฐานะผู้เยือน แต่ยังชวนให้พวกเขามองตัวเองในฐานะ “เจ้าบ้าน” หรือผู้อยู่อาศัยที่ต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน มากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม (57%) มองว่าการท่องเที่ยวสร้างประโยชน์ให้กับพื้นที่ของตน แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยอมรับว่าการท่องเที่ยวในบางรูปแบบก่อให้เกิดปัญหาหนัก เช่น การจราจรติดขัด (39%) ขยะล้นเมือง (41%) ความแออัด (31%) และค่าครองชีพที่สูงขึ้น (28%)

แม้จะมีข้อกังวลเหล่านี้ มีเพียง 16% เท่านั้นที่เห็นว่าควรจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว จุดยืนที่น่าสนใจของคนส่วนใหญ่กลับอยู่ที่การเรียกร้องให้มี “การลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน” เช่น ระบบคมนาคม การจัดการขยะ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล

sustainability-over-the-past-10-years-how-have-travel-trends-changed-SPACEBAR-Photo01.jpg

ความยั่งยืนที่เปลี่ยนจาก “ความตั้งใจ” สู่ “ความปกติ”

เมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2016 มีเพียง 42% ของนักท่องเที่ยวที่ระบุว่าตนเองเดินทางอย่างยั่งยืน แต่ในปี 2025 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 93% ที่ระบุว่าต้องการและพยายามเดินทางอย่างยั่งยืนให้มากที่สุด พฤติกรรมที่เคยเป็นทางเลือก กลายเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อออกจากที่พัก (พุ่งจาก 43% ในปี 2020 เป็น 67% ในปี 2023) หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงไฮซีซัน (39%) หรือเลือกเยือนจุดหมายปลายทางทางเลือก (36%) เพื่อลดความแออัด

ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นอนาคตของการท่องเที่ยว

รายงานปี 2025 ของ Booking.com สะท้อนอย่างชัดเจนว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่เพียงคำที่ถูกพูดถึงเฉพาะในวงการสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่เป็นหัวใจหลักของประสบการณ์การเดินทางของคนรุ่นใหม่ และไม่ว่าจะปีไหนการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจและเครื่องมือเชื่อมโยงวัฒนธรรมจากทั่วโลก หากแต่จะต้องเป็นการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงชุมชน ผู้คน และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

ทั้งหมดนี้ยังสะท้อนว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดจากนโยบายรัฐหรือโครงการขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่มาจาก “การตัดสินใจเล็กๆ” ของนักเดินทางแต่ละคน เช่น การเลือกเวลาเดินทาง การเคารพวิถีชีวิตท้องถิ่น หรือการสนับสนุนธุรกิจรายย่อย

หากทุกคนร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ชาวบ้าน ผู้ประกอบการ หรือแพลตฟอร์มระดับโลก การเดินทางจะไม่ใช่แค่การไป “เยือน” แต่เป็นการ “มีส่วนร่วม” และ “ส่งต่อสิ่งดีๆ” ให้กับโลกใบนี้อย่างยั่งยืน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์