ซึ่งการที่เราจะหาคำตอบได้นั้น ก็ต้องย้อนไปทำความรู้จักกายภาพขนของพวกมันในเชิงวิทยาศาสตร์เลยทีเดียว
ขนของหมีขั้วโลกมี 2 ชั้น โดยชั้นนอกประกอบด้วยขนที่ใช้ปกป้องร่างกายยาว 5-15 ซม. และขนชั้นในสั้นๆ ที่ถูกถักทอจนคล้ายกับเสื้อโค้ทหนาๆ
โดยขนเส้นยาวชั้นนอกนั้น ส่วนใหญ่มีลักษณะโปร่งใส แต่ด้วยคุณลักษณะพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้ขนเหล่านี้สร้างลูกเล่นทางแสงจนเรามองเห็นมันเป็นสีขาว ซึ่งลักษณะพิเศษที่ว่านี้ คือเรียวยาวมีความสาก และมีแกนกลวงที่เต็มไปด้วยอากาศ ตัวขนทำจากโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน ซึ่งตัวโปรตีนชนิดนี้เองก็มีความขาวเล็กน้อย แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือในความกลวงของขนชั้นนอก มันมีอนุภาคที่ทำหน้าที่กระเจิงแสงอยู่ภายใน และประกอบด้วยอนุภาคเกลือเล็กๆ อยู่ระหว่างเส้นขนแต่ละเส้น
และพระเอกอีกคนที่ทำให้น้องหมีของเราขาวจั๊วะก็คือ ‘แสงอาทิตย์’ เพราะเมื่อรังสียูวีดวงอาทิตย์กระทบกับขนชั้นนอกที่โปร่งใสของหมีขั้วโลก พลังงานแสงบางส่วนนี้จะเดินทางเข้าไปในขนและถูกกักไว้ ก่อนพลังงานดังกล่าวจะกระดอนไปมาภายในส่วนที่กลวงของเส้นผม ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่าการเรืองแสง ทำให้ขนแต่ละเส้นเปล่งแสงออกมา ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่แสงอาทิตย์ปะทะกับเส้นขนของพวกมัน ดังนั้นแม้แสงอาทิตย์หรือรังสียูวีจะตกกระทบไปจนถึงผิวหนังสีดำด้านในได้ แต่ก็จะกระดอนทำปฏิกิริยากับขนชั้นนอก เรืองแสงจนหมีขั้วโลกเป็นสีขาวอยู่ดี
ขนของหมีขั้วโลกมี 2 ชั้น โดยชั้นนอกประกอบด้วยขนที่ใช้ปกป้องร่างกายยาว 5-15 ซม. และขนชั้นในสั้นๆ ที่ถูกถักทอจนคล้ายกับเสื้อโค้ทหนาๆ
โดยขนเส้นยาวชั้นนอกนั้น ส่วนใหญ่มีลักษณะโปร่งใส แต่ด้วยคุณลักษณะพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้ขนเหล่านี้สร้างลูกเล่นทางแสงจนเรามองเห็นมันเป็นสีขาว ซึ่งลักษณะพิเศษที่ว่านี้ คือเรียวยาวมีความสาก และมีแกนกลวงที่เต็มไปด้วยอากาศ ตัวขนทำจากโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน ซึ่งตัวโปรตีนชนิดนี้เองก็มีความขาวเล็กน้อย แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือในความกลวงของขนชั้นนอก มันมีอนุภาคที่ทำหน้าที่กระเจิงแสงอยู่ภายใน และประกอบด้วยอนุภาคเกลือเล็กๆ อยู่ระหว่างเส้นขนแต่ละเส้น
และพระเอกอีกคนที่ทำให้น้องหมีของเราขาวจั๊วะก็คือ ‘แสงอาทิตย์’ เพราะเมื่อรังสียูวีดวงอาทิตย์กระทบกับขนชั้นนอกที่โปร่งใสของหมีขั้วโลก พลังงานแสงบางส่วนนี้จะเดินทางเข้าไปในขนและถูกกักไว้ ก่อนพลังงานดังกล่าวจะกระดอนไปมาภายในส่วนที่กลวงของเส้นผม ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่าการเรืองแสง ทำให้ขนแต่ละเส้นเปล่งแสงออกมา ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่แสงอาทิตย์ปะทะกับเส้นขนของพวกมัน ดังนั้นแม้แสงอาทิตย์หรือรังสียูวีจะตกกระทบไปจนถึงผิวหนังสีดำด้านในได้ แต่ก็จะกระดอนทำปฏิกิริยากับขนชั้นนอก เรืองแสงจนหมีขั้วโลกเป็นสีขาวอยู่ดี

แต่ถ้าเกิดขนของหมีขั้วโลกมีคุณสมบัติอย่างที่กล่าวไป แล้วหมีขั้วโลกจริงๆ บางตัวที่ดูไม่ขาวมาก มีขนสีติดเหลืองอ่อนๆ หรือสีน้ำตาลเล็กน้อยล่ะ?
คำตอบก็คือหมีขั้วโลกเป็นสัตว์ที่มีสัญชาติญานในการปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดสูง การเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย หรืออายุขัยที่เพิ่มขึ้นของหมีแต่ละตัว ล้วนส่งผลต่อสีขนของหมีเหล่านั้นด้วย ซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็คือช่วยให้พวกมันกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น
โดยในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เมื่อหมีขั้วโลกสูญเสียขนเก่าและมีขนใหม่ขึ้น ตัวของมันจะดูเป็นสีขาวมากกว่าหลายเดือนต่อมาในฤดูร้อนที่ขนของพวกมันอาจมีสีออกเหลืองจากการสึกหรอบนขน
ส่วนพวกที่อาศัยอยู่บนน้ำแข็งห่างไกลจากแหล่งน้ำเปิด ก็จะดูขาวกว่าหมีที่ใช้เวลาว่ายน้ำมาก ในทางกลับกัน หมีขั้วโลกบนบกที่มีหิมะน้อยหรือไม่มีเลยจะมีขนสีน้ำตาลอ่อนเล็กน้อยเป็นต้น
คำตอบก็คือหมีขั้วโลกเป็นสัตว์ที่มีสัญชาติญานในการปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดสูง การเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย หรืออายุขัยที่เพิ่มขึ้นของหมีแต่ละตัว ล้วนส่งผลต่อสีขนของหมีเหล่านั้นด้วย ซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็คือช่วยให้พวกมันกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น
โดยในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เมื่อหมีขั้วโลกสูญเสียขนเก่าและมีขนใหม่ขึ้น ตัวของมันจะดูเป็นสีขาวมากกว่าหลายเดือนต่อมาในฤดูร้อนที่ขนของพวกมันอาจมีสีออกเหลืองจากการสึกหรอบนขน
ส่วนพวกที่อาศัยอยู่บนน้ำแข็งห่างไกลจากแหล่งน้ำเปิด ก็จะดูขาวกว่าหมีที่ใช้เวลาว่ายน้ำมาก ในทางกลับกัน หมีขั้วโลกบนบกที่มีหิมะน้อยหรือไม่มีเลยจะมีขนสีน้ำตาลอ่อนเล็กน้อยเป็นต้น

ถึงแม้หมีขั้วโลกจะมีกระบวนการปรับตัวที่ดี หรือมันสมองที่ฉลาดกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ เพียงใด แต่ภาวะโลกร้อนที่กำลังทำลายถิ่นที่อยู่ของมันอย่างธารน้ำแข็งที่ละลายลงเรื่อยๆ ก็ทำให้ในปัจจุบันทั่วทั้งโลกประมาณการว่ามีหมีขั้วโลกเหลืออยู่ประมาณ 22,000 ถึง 31,000 ตัวเท่านั้น ไม่รวมกว่า 300 ตัว ที่อยู่ในเมืองต่างๆ และนักวิชาการต่างก็คาดว่าพวกมันจะสูญพันธุ์ภายในศตวรรษนี้ ซึ่งก็น่าเสียดายที่ถ้าภาวะต่างๆ บนโลกเราดำเนินต่อไปแบบนี้ ลูกหลานเราอาจจะได้ยลโฉมหมีขั้วโลกในฐานะคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนน่ารักๆ ในจอเพียงเท่านั้น