เปิดความสำเร็จ ‘ภูฏานโมเดล’ ประเทศต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก

20 พ.ย. 2568 - 04:32

  • ภูฏานเข้าใกล้เป้าหมาย 1.5°C มากที่สุดในโลก ทั้งที่เป็นประเทศรายได้ปานกลาง และยังดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าที่ปล่อยถึง 5 เท่า

  • รัฐธรรมนูญคุ้มครองธรรมชาติเป็นหัวใจประเทศ กำหนดพื้นที่ป่าไม้อย่างน้อย 60% ผสานความเชื่อดั้งเดิมว่าป่า–ภูเขาเป็นที่สถิตของเทพ

  • ซัมมิต G-Zero ปีหน้าในภูฏาน เตรียมพลิกบทบาทประเทศคาร์บอนลบ ดันให้โลกยอมรับ “ผลงานจริง” ไม่ใช่แค่คำสัญญา

เปิดความสำเร็จ ‘ภูฏานโมเดล’ ประเทศต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก

ท่ามกลางสัญญาณอันตรายจากภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกปี ประเทศเล็กๆ ในเทือกเขาหิมาลัยอย่าง “ภูฏาน” กำลังเป็นชาติแรกของโลกที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกติดลบ พร้อมส่งข้อความชัดเจนถึงกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมตะวันตกว่า


“ถึงเวลาที่คุณต้องลดการปล่อยให้มากขึ้น เพื่อความสุขและสุขภาวะของประชาชนของคุณเอง”

เชอริง โทเกย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน
เชอริง โทเกย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน

นี่คือถ้อยคำจาก นายกรัฐมนตรี เชอริง โทเกย์ ผู้นำประเทศที่ยืนหยัดบนแนวคิด Gross National Happiness (GNH) หรือ “ความสุขประชาชาติรวม” แทนการวัดความเจริญด้วย GDP เขาย้ำว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่เพียงปรัชญา แต่เป็นพื้นฐานที่ทำให้ภูฏานกลายเป็นหนึ่งในผู้นำสภาพภูมิอากาศของโลก

revealing-success-bhutan-model-global-sustainable-development-SPACEBAR-Photo02.jpg

“ภูฏาน” แหล่งธรรมชาติอันอุดมในโลกที่ฝุ่นควันเพิ่มขึ้นทุกปี

ภูฏานตั้งอยู่ระหว่างอินเดียและจีน มีประชากรราว 750,000 คน ครึ่งหนึ่งยังคงเป็นเกษตรกรรายย่อย แต่ด้วยความเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นกับธรรมชาติ รวมถึงความเชื่อว่าภูเขา ป่า และสายน้ำเป็นที่สถิตของเทพ ภูฏานจึงสร้างโมเดลการพัฒนาที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

รัฐธรรมนูญของประเทศกำหนดชัดต้องรักษาพื้นที่ป่าไม้อย่างน้อย 60% ตลอดไป ปัจจุบันภูฏานมีพื้นที่ป่ามากถึง 72% และดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าที่ปล่อยถึง 5 เท่า

แม้จะเป็นประเทศกำลังพัฒนาและเพิ่งหลุดพ้นจากสถานะ LDC ในปี 2023 แต่ภูฏานกลับเดินหน้าเข้มงวดกฎด้านอากาศ น้ำ และดิน สวนทางกับหลายประเทศที่คลายมาตรการเพื่อดึงการลงทุน

 “เราทำมากเกินส่วนที่รับผิดชอบ…ประเทศรวยต้องทำมากกว่านี้”

นายกรัฐมนตรีภูฏาน ย้ำชัดว่าภูฏานกำลังเผชิญผลกระทบสภาพภูมิอากาศรุนแรง ทั้งธารน้ำแข็งละลาย ทะเลสาบภูเขาล้น น้ำท่วมซ้ำ และค่าซ่อมถนนที่เพิ่มเป็นสองเท่า ทั้งหมดเกิดขึ้นทั้งที่ภูฏานปล่อยก๊าซไม่ถึง 0.01% ของโลก

“เราเป็นประเทศภูเขา ไม่มีทางออกทะเล เรากำลังรับผลกระทบหนัก แม้เราจะเป็นประเทศธรรมชาติเป็นบวก คาร์บอนเป็นลบ แต่ประเทศร่ำรวยยังไม่ลดการปล่อยก๊าซตามที่ควรทำ”


เชอริง โทเกย์ ระบุ

เขาย้ำว่าโลกพัฒนาแล้วมี “ภาระทางศีลธรรมและกฎหมาย” ที่ต้องช่วยประเทศกำลังพัฒนา ทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี และการถ่ายโอนความรู้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องลดการปล่อยของตนเองก่อน

revealing-success-bhutan-model-global-sustainable-development-SPACEBAR-Photo03.jpg

เป้าหมายสภาพภูมิอากาศของภูฏาน ล้ำหน้าโลก แต่แลกมาด้วยการสูญเสียโอกาส

ในเวที COP ภูฏานถือเป็นประเทศที่มีแผนลดก๊าซเรือนกระจกเข้มข้นที่สุดแห่งหนึ่ง ขยายพลังงานสะอาดทั้งน้ำ แสงอาทิตย์ ลม ไฮโดรเจนสีเขียว ควบคู่กับกฎเข้มด้านคมนาคม อาคาร เกษตร และการใช้พลังงาน แต่ผลจากการหลุดจากกลุ่ม LDC ทำให้การเข้าถึงเงินทุนและความช่วยเหลือระหว่างประเทศลดลง แม้ภัยพิบัติจะรุนแรงขึ้นทุกปี

โทเกย์จึงเรียกร้องให้โลกเห็นคุณค่าของประเทศที่ทำเกินมาตรฐาน ไม่ใช่ตอบแทนประเทศที่ปล่อยก๊าซสูงเป็นหลัก

ผู้นำกลุ่ม G-Zero ชาติคาร์บอนเป็นลบร่วมสร้างแรงกดดันใหม่

ปีที่ผ่านมา ภูฏานร่วมกับปานามา ซูรินาเม และมาดากัสการ์ จัดตั้งพันธมิตรประเทศคาร์บอนเป็นลบและคาร์บอนเป็นกลาง เพื่อทวงความยุติธรรมในเวทีโลก และเตรียมจัดการประชุมสุดยอดครั้งแรกในภูฏานปีหน้า

“โลกพูดถึงคำสัญญาอนาคตมากเกินไป แต่ไม่พูดถึงผลจริง ประเทศที่ทำดีต้องได้รับการเห็นและสนับสนุน มิฉะนั้นจะไม่มีใครอยากทำตาม”


เชอริง โทเกย์ ระบุ

“ลดคาร์บอนเพื่อใคร?” ผู้นำภูฏานทิ้งท้าย

โทเกย์ทิ้งคำถามสำคัญที่สะเทือนใจทั้งโลกอุตสาหกรรมว่า GDP คือเพื่ออะไร? การลดการปล่อยคือเพื่ออะไร? คำตอบคือเพื่อความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน คุณไม่ต้องย้อนกลับการพัฒนา แต่ต้องทำให้มันยั่งยืน

เขาย้ำว่าภูฏานพิสูจน์แล้วว่า เศรษฐกิจเติบโต ประชาชนมีความสุข และธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้

“ถ้าประเทศกำลังพัฒนาขนาดเล็กอย่างเราทำได้ ประเทศใหญ่ๆ ก็ไม่มีข้อแก้ตัว เพราะพวกเขาคือผู้นำของโลก”

เชอริง โทเกย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน กล่าวทิ้งท้าย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์