การเมืองพันหน้า รอ ‘ซูเปอร์ดีล’ รอบใหม่

20 ส.ค. 2568 - 03:15

  • การเมืองช่วงนี้ มีหลายหน้า หลายสูตรที่อาจจะถูกนำมาใช้ได้

  • มีการรอคอย ซูเปอร์ดีล ที่หลายคนคาดว่าจะแก้ปัญหาวิกฤตเฉพาะหน้าได้

  • ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป

การเมืองพันหน้า รอ ‘ซูเปอร์ดีล’ รอบใหม่

ในภาวะอึมครึมของการเมือง ที่ทุกพรรคต่างเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในที่ตั้ง รอดูสถานการณ์ระดับ ‘ซูเปอร์ดีล’ รอบใหม่ จะออกหน้าไหน เพราะมีมากมายหลายหน้าด้วยกัน และมีสิทธิ์ออกได้ทุกหน้า

ไม่ว่าจะเป็นหน้าเดิม ขั้วเดิมดัน ‘ชัยเกษม นิติสิริ’  ขึ้นมารับไม้ต่อจาก แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ต้องลงจากเก้าอี้จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่แค่มา ‘ขัดตาทัพ’ ในช่วงสั้นๆ ประคองสถานการณ์ให้สภาผ่านสมัยประชุมนี้ไปก่อน

จากนั้น เมื่อจัดทัพ จัดแถว แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปี รวมทั้ง ‘เปิดหัวจ่าย’ ใช้งบประมาณปี 69 ไปแล้ว เปิดสมัยประชุมสภาปีที่ 3/2 มาอีกครั้งช่วงปลายปีนี้ในวันที่ 12 ธันวาคม ก็ถึงเวลา ‘ยุบสภา’  คืนอำนาจให้ประชาชนไป

หน้าที่สอง ขั้วเดิมแต่เพิ่ม ‘ภูมิใจไทย’ ให้กลับมาจูบปากกับเพื่อไทยใหม่ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘ลุงตู่’  คนเดิม กลับมาจัดระเบียบบ้านเมืองอีกรอบ โดยเฉพาะมาแก้โจทย์ความมั่นคง ที่มีปัญหาสู้รบกับเขมรอยู่เวลานี้

ซูเปอร์ดีลรอบใหม่ จึงไม่ใช่แค่เคลียร์คดีส่วนตัวให้ใคร แต่พ่วงเรื่องบ้านเมืองเข้าไปด้วยจะให้อยู่ต่อกันอย่างไร

หน้าสองนี้ อาจมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่การออกมาปฎิเสธของ ‘สรวงค์ เทียนทอง’  ที่ยืนยันว่า‘ข่าวดังกล่าวไม่ได้ออกมาจากพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน’ อย่างน้อยก็ได้ทำให้ข่าวที่ลอยตามลมมาเกือบสองสัปดาห์ มีตัวตนขึ้น

สูตรนี้ที่ให้ลุงตู่คืนสังเวียน อาจจะดูไกลไปสักหน่อย แต่เพื่อแลกกับการเอาใครบางคนไปเก็บ ตามที่ปวารณาตัวไว้ตั้งแต่แรกจะกลับมาเลี้ยงหลาน ไม่ต้องมาทำหน้าที่ ‘สทร.’ตรวจการประเทศ ก็น่าจะเป็นคุณกับบ้านเมืองอย่างมาก

สุดท้าย ขั้วใหม่ ‘น้ำเงิน+ส้ม’  บนเงื่อนไขพิเศษ พร้อมดึงบางพรรคจากขั้วเดิมเข้าร่วม โดยมี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ นำรัฐนาวาเสียงข้างน้อยบริหารประเทศ ให้พรรคส้มได้สร้างประวัติศาสตร์ เขียนรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จารึกไว้ในแผ่นดิน

สูตรหลังนี้ แม้ระดับแก่นแกนในพรรคส้ม จะแบะท่าเปิดรับ แต่เอาเข้าจริงคงยากพอๆ กับเข็นครกขึ้นภูเขา

ทั้งหมดที่ว่ามา ยังเป็นเพียงโมเดลการเมืองที่ถูกสร้างแบบจำลองขึ้น ในภาวะการเมืองหลายหน้า ที่ทุกพรรคต่างนิ่งเฝ้ารอดูสถานการณ์ และการตัดสินใจของคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ที่ซุ่ม‘ออกแแบบ’ อนาคตให้ตัวเองกับลูกสาวอย่างคร่ำเคร่ง

ทั้งกรณีคลิปเสียง 29 สิงหาคม และปมป่วยทิพย์ 9 กันยายน จึงต้องนำมาพูดคุยไปด้วยพร้อมกันในคราวเดียว

ส่วนจะออกหัวออกก้อยอย่างไร ผู้สันทัดกรณีจับยามสามตาดูแล้ว ให้เริ่มนับหนึ่งจากวันที่ 21 สิงหาคมนี้ก่อน โดยผลการไต่สวนพยานบุคคลในวันนั้น ไม่ว่า ‘อิ๊งค์-แพทองธาร’ ผู้ถูกร้อง จะไปให้ศาลซักด้วยตัวเองหรือไม่ก็ตาม

ลำพังการไปของ ‘ฉัตรชัย บางชวด’ เลขาธิการ สมช.ก็ย่อมทำให้เห็นทิศทางคดีได้ว่าจะเดินไปต่ออย่างไร

ผลจากการไต่สวนพยานบุคคลในวันนั้นแหล่ะ จะถูกนำไปใช้เป็น‘สารตั้งต้น’ ในการตัดสินใจเดินหน้าสู้ต่อถึงวันที่ 29 สิงหาคม หรือหยุดเกมไว้ไม่ให้ไหลต่อไปถึงวันที่ศาลนัดฟังคำวินิจฉัย

ประมาณว่า อาศัยปุจฉา วิสัชชนาจากศาลมาเป็นตัวอธิบาย จะได้ไม่ต้องเสี่ยเหลี่ยมนายกฯ เจนวาย

คำตอบจึงอยู่ที่วันที่ 21 สิงหาคม แต่ยังไม่ใช่ ‘วันสิ้นสุด’ รัฐบาลแพทองธาร เพราะฟังจากคำพูด ภูมิธรรม เวชยชัย เรื่องโยกย้ายข้าราชการล็อตใหญ่ที่บอกว่า ‘ยังมีอีก ยังไม่จบ ..รอบหน้ายังมีอีกรอบ ตอนนี้ค่อยๆ ทำ’

เท่ากับว่าในวันอังคารที่ 26 สิงหาคม ยังมีการประชุมคณะรัฐมนตรีปกติ ไม่ใช่ครม.รักษาการ หลังการลาออกของแพทองธาร เพราะยังมีเวลาให้ตัดสินใจไปถึงวันที่ 28 สิงหาคม หากจะตัดช่องน้อยลาออกก่อนศาลวินิจฉัยจริง

แต่ประเมินจากการลาประชุม ครม.สองครั้งติดๆ กันของแพทองธาร แถมยังยกเลิกเข้าร่วมประชุมกับสส.เพื่อไทย จนทำเอาบรรดาสส.และกลุ่มผู้สนับสนุน ที่นำช่อดอกไม้ เค้ก มารออวยพรวันเกิดล่วงหน้าเก้อไปตามๆ กัน

เหมือนส่งสัญญาณยอมยกธงขาวไปแล้วกลายๆ

สุดท้ายความมีหรือไม่มีอยู่จริงของ‘ซูเปอร์ดีล’ รอบใหม่ ให้รอดูจากหน้าตาครม.ชุดเปลี่ยนกัปตันคนใหม่ รวมทั้ง ผลแห่งคดีของสองพ่อลูกจะออกหัวออกก้อย ซอฟท์แลนดิ้งได้ขนาดไหน

วันนั้น จะได้เห็นการเมืองพันหน้าเหลือแค่หน้าเดียว ส่วนพรรคการเมืองที่เก็บตัวกบดานอยู่เวลานี้ พรรคไหนขืนตัดสินใจช้า มีสิทธิ์ตกขบวน อดได้เข้าร่วมรัฐนาวาจัดระเบียบประเทศ.

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์