สมาคมธนาคารไทย ชูแก้หนี้ครัวเรือน เสริมแกร่งเศรษฐกิจ

29 ส.ค. 2568 - 02:25

  • เวที Thailand Focus 2025 ชี้หนี้ครัวเรือนสูง สะท้อนความเปราะบางทางการเงินและความเหลื่อมล้ำ

  • เสนอ 5 หลักการแก้หนี้อย่างยั่งยืน ครอบคลุม-เป็นธรรม-เข้าถึงข้อมูล-แข่งขันเท่าเทียม-รู้จักกู้ยืม

  • มุ่งปฏิรูปเศรษฐกิจสู่ Data-driven & Skill-based economy เพิ่มรายได้ครัวเรือนและขีดความสามารถการแข่งขัน

สมาคมธนาคารไทย ชูแก้หนี้ครัวเรือน เสริมแกร่งเศรษฐกิจ

สมาคมธนาคารไทย นำโดย ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมฯ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ร่วมเวทีเสวนา “หนี้ครัวเรือนและความเปราะบางทางการเงิน” ในงาน Thailand Focus 2025 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Beyond the Challenges โดยระบุว่า หนี้ครัวเรือนของไทยที่อยู่ในระดับสูงเป็นสัญญาณสะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่สมดุลและปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากลึก

ผยง ชี้ว่า เศรษฐกิจนอกระบบและแรงงานนอกระบบยังมีสัดส่วนสูง ขณะที่ครัวเรือนจำนวนมากยังพึ่งพาหนี้นอกระบบ ส่งผลให้ภาระหนี้จริงอาจเกิน 100% ของจีดีพี การแก้ปัญหาจึงต้องอาศัยแนวทางที่ครอบคลุม ทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ การยกระดับข้อมูลเครดิตให้ครบถ้วน และการสร้างระบบสวัสดิการที่ตรงจุด เพื่อลดความเปราะบางของครัวเรือนไทย

สำหรับแนวทางเชิงโครงสร้าง สมาคมธนาคารไทยเสนอ 5 หลักการสำคัญ ได้แก่ ความครอบคลุม ความเป็นธรรม การแข่งขันเท่าเทียม การเข้าถึงข้อมูลอย่างเปิดกว้าง และการสร้างความรู้ความเข้าใจในการกู้ยืม เพื่อให้หนี้กลายเป็นเครื่องมือในการลงทุนสร้างรายได้ มากกว่าการกู้เพื่อบริโภค พร้อมย้ำว่าช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยสู่ Data-driven economy และ Skill-based economy โดยมีรัฐบาลเป็นผู้นำทางเพื่อสร้างระบบการเงินที่ยั่งยืน

นายผยง กล่าวว่า การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยั่งยืน ควรยึด 5 แนวทางหลัก คือ
1.ความครอบคลุม (Inclusive) โดยต้องชัดเจนว่าจะใช้สวัสดิการ กลไกตลาด หรือการช่วยเหลือเฉพาะหน้า 
2.ความเป็นธรรม (Fairness) ดอกเบี้ยต้องสะท้อนความเสี่ยงจริง ไม่สร้าง moral hazard 
3.การแข่งขันเท่าเทียม (Level Playing Field) ระหว่างสถาบันการเงินแต่ละประเภท
4.การแข่งขันและการเข้าถึงข้อมูลที่เปิดกว้าง (Open Competition & Data Access) แข่งขันภายใต้กลไกตลาด และ
5.การมีความรู้ความเข้าใจในการกู้ยืม (Healthy Borrowing) เพื่อให้หนี้กลายเป็นเครื่องมือในการลงทุนสร้างรายได้ มากกว่าการกู้เพื่อบริโภค

พยง ยังย้ำ ช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยสู่ Data-driven economy และ Skill-based economy โดยมีรัฐบาลเป็นผู้นำทางเพื่อสร้างระบบการเงินที่ยั่งยืน

“จังหวะนี้เป็นโอกาสสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจ ยกระดับสู่ Data-driven economy และ Skill-based economy ซึ่งประเทศไทยยังมีศักยภาพอีกมาก โดยเฉพาะการพัฒนาแรงงานสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ใช้ประโยชน์จาก Generative AI ให้มากขึ้นจากการที่ประชากรเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 91% ซึ่งรัฐบาลต้องเป็นผู้นำทาง (Lighthouse) ในการปฏิรูป และแก้ไขหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน”

พยง กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์