ลิซ่า คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ยื่นฟ้องศาลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท้าทายการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ไล่ออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ในการควบคุมธนาคารกลางที่มีความเป็นอิสระ
เอกสารศาลระบุว่า คดีนี้ท้าทายความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ไม่เคยมีมาก่อนและผิดกฎหมายในการขจัดผู้ว่าการคุกออกจากตำแหน่ง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของคณะกรรมการ Fed
เหตุผลและข้อกล่าวหา
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์เผยแพร่จดหมายบนแพลตฟอร์ม Truth Social ประกาศว่าได้ไล่คุกออกจากตำแหน่งแล้ว โดยอ้างข้อกล่าวหาเรื่องการให้ข้อมูลเท็จในเอกสารสัญญาสินเชื่อบ้าน รวมถึงการอ้างว่ามีที่พักอาศัยหลักสองแห่งในรัฐมิชิแกนและจอร์เจีย
อย่างไรก็ตาม คุกไม่เคยถูกตั้งข้อหาทางอาญา และเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวหาเกิดขึ้นก่อนที่จะดำรงตำแหน่งปัจจุบัน
ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง
คำฟ้องของคุกเน้นย้ำว่า ความเป็นอิสระของ Fed มีความสำคัญต่อความสามารถในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจที่ถูกต้อง โดยปราศจากแรงกดดันทางการเมืองจากการเลือกตั้ง
เจเน็ต เยลเลน อดีตผู้ว่าการFed และอดีตรัฐมนตรีคลังในสมัยโจ ไบเดน เตือนเมื่อวันพุธว่า การ กระทำของทรัมป์เป็นความพยายามโดยตรงในการทำให้ธนาคารกลางกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ความขัดแย้งเรื่องอัตราดอกเบี้ย
ทรัมป์เรียกร้องให้ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยมาหลายเดือน และวิพากษ์วิจารณ์ เจอโรม พาวเวล ประธาน Fed อย่างรุนแรง โดยเรียกว่า ‘คนโง่’
นักวิเคราะห์มองว่า การขจัดคุกออกไป อาจเป็นความพยายามของทรัมป์เพื่อเพิ่มเสียงสนับสนุนในคณะกรรมการ Fed เพื่อผลักดันนโยบายอัตราดอกเบี้ยตามที่ต้องการ
กฎหมายและการท้าทาย
กฎหมายกำหนดว่า เจ้าหน้าที่ Fed สามารถถูกถอดถอนได้เฉพาะกรณีมี ‘เหตุผล’ ซึ่งอาจหมายถึงการประพฤติมิชอบหรือการละเลยหน้าที่ แม้ศาลสูงสุดจะอนุญาตให้ทรัมป์ไล่ออกสมาชิกของคณะกรรมการอิสระอื่น แต่ก็ยกเว้น Fed ไว้เป็นพิเศษ
โฆษกของ Fed แถลงก่อนหน้านี้ว่าธนาคารกลาง ‘จะปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลเท่านั้น’ คดีนี้จึงกลายเป็นการทดสอบอำนาจประธานาธิบดีภายใต้วาระใหม่ของทรัมป์