กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยมุมมองตลาดหุ้นไทยวันที่ 17 กันยายน 2568 ว่า ทิศทางตลาดยังเคลื่อนไหวแบบ Sideways/Up โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,315 และ 1,330 จุด ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,300 และ 1,290 จุด
ปัจจัยหนุนหลักมาจาก ดอลลาร์อ่อนค่า ต่อเนื่องก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในลักษณะ Neutral to Dovish หากเป็นไปตามคาด จะช่วยประคองทิศทางตลาดและกระตุ้นกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ขณะที่ต้องระวังหากเฟดเลือกส่งสัญญาณ Hawkish Cut ที่อาจกดดันเงินทุนไหลออก
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
1. Dollar Index หลุดระดับ 97 ต่ำสุดรอบ 4 ปี หนุนบรรยากาศ Risk-on และเงินทุนไหลเข้า EM แต่หากเฟดส่งสัญญาณแข็งกร้าว ค่าเงินดอลลาร์อาจรีบาวด์และกดดันสินทรัพย์เสี่ยง
2. ความคาดหวังการสื่อสารจากเฟด (Fed Communication) ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yields) และการประเมินมูลค่าหุ้น (re-rating) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บริโภคในประเทศ และสาธารณูปโภค
3. ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ทั้งยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ออกมาดีกว่าคาด ช่วยลดความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และสนับสนุนมุมมอง Soft Landing
4. การค้าสหรัฐ–จีน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน โดยรัฐบาลจีนออกมาตรการหนุนการบริโภคและการท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนสภาพคล่องในระบบการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ท่องเที่ยว และค้าปลีก
5. ราคาน้ำมันปรับขึ้น +1.7% เป็นบวกต่อหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี เช่น PTT, PTTEP, PTTGC ขณะที่เงินบาทแข็งค่าราว 31.65 บาทต่อดอลลาร์ ช่วยหนุน sentiment เชิงบวก
กลยุทธ์ลงทุน (Strategy)
• เน้นหุ้นที่ได้อานิสงส์จาก Dollar อ่อน–Fed ลดดอกเบี้ย และสัญญาณบวกจากจีน โดยเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่ม Anti Involution ได้แก่ PTTGC, IVL, PTT, TOP และหุ้น Domestic Play ได้แก่ CPALL, BJC, ERW, MTC, BGRIM, GULF
• หุ้นเด่นแนะนำ (Best Picks) ได้แก่ MTC, PTTGC, IVL, PTT และ BGRIM
กรภัทร กล่าวว่า “ทิศทางตลาดช่วงนี้เป็นโอกาสสำหรับการสะสมหุ้นที่ได้อานิสงส์จากการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ และการฟื้นตัวของจีน โดยกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และหุ้นบริโภคในประเทศยังมีความน่าสนใจสูง”