กรภัทร์ วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี (KSS) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET Index) วันนี้คาดว่าจะ รีบาวด์ โดยมีแนวรับที่ 1,288–1,283 จุด และแนวต้านที่ 1,300–1,308 จุด หลังจากปัจจัยกดดันจากการปรับน้ำหนักดัชนี FTSE (Overhang) ผ่านพ้นไป ขณะเดียวกันกระแสหลักจาก ดอกเบี้ยขาลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญต่อสินทรัพย์เสี่ยง
3 ธีมการลงทุนเด่น
กรุงศรีมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสฟื้นตัว โดยเน้นการลงทุนใน 3 ธีมหลัก ได้แก่
1. หุ้นหมด Overhang จาก FTSE Rebalance เช่น BGRIM, SAWAD, CPAXT
2. หุ้นโรงไฟฟ้า ได้อานิสงส์เงินบาทแข็งค่าและ Bond Yield ที่ลดลง เช่น BGRIM, GULF
3. หุ้นอิงจีน รับปัจจัยบวกจาก Golden Week เดือนตุลาคม และการประชุม Politburo–Plenum ครั้งที่ 4 ซึ่งมีโอกาสเห็นมาตรการลดซัพพลายและกระตุ้นการบริโภค เช่น PTT, TOP, PTTGC, IVL
ทั้งนี้ หากต้องการเห็นโครงสร้างตลาดกลับมาแข็งแรง จำเป็นต้องมีแรงซื้อกลับในกลุ่ม ค้าปลีกและโรงพยาบาล เข้ามาสนับสนุน
หุ้นแนะนำวันนี้
• Best Picks: BGRIM, IVL, PTTGC, SAWAD
• Top Picks ประจำวัน: BGRIM, PTTGC, IVL
Global Macro Update
ในภาพรวมเศรษฐกิจโลก นายกรภัทร์ระบุว่า สัญญาณบวกเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความแน่นอนมากขึ้น เช่น การหยุดขึ้นภาษีชั่วคราว และการใช้นโยบายการค้าแบบรัฐนำ (State-driven policy) ส่งผลให้ตลาดทุนฟื้นตัว, Yield Curve ชันขึ้น (ดอกเบี้ยสั้นลดลง ขณะที่ดอกเบี้ยยาวทรงตัวสูง), เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า และเอเชียได้รับโอกาสจาก การย้าย Supply Chain ออกจากจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ เช่น แบตเตอรี่และหุ่นยนต์
สำหรับสหรัฐฯ ตลาดกำลังรอความคืบหน้าของการเจรจาการค้ากับจีน ซึ่งอาจมีสัญญาณชัดเจนขึ้นในการประชุม APEC Summit เดือนตุลาคม ขณะเดียวกัน มาตรการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B มูลค่า 100,000 ดอลลาร์ อาจกระทบต่อการดึงแรงงานทักษะสูงด้านเทคโนโลยี
ด้านไทย คาดว่าหลังวันที่ 24 กันยายน ครม.ชุดใหม่จะถวายสัตย์และแถลงนโยบาย ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้น Domestic Play โดยนโยบายที่น่าจับตา ได้แก่ การเลื่อนจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราเต็ม และการผลักดันโครงการ “โซลาร์ชุมชน” นอกจากนี้ หลังผ่านแรงขายจากการปรับน้ำหนัก FTSE แล้ว มีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ
สรุป: บล.กรุงศรีแนะนำกลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้นหมดแรงกดดันจาก FTSE, หุ้นโรงไฟฟ้า และหุ้นอิงจีน โดยมี BGRIM, PTTGC, IVL เป็นหุ้นเด่น ขณะที่ปัจจัยมหภาคโลกและการเมืองในประเทศยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องติดตาม