'ฮั่วเซ่งเฮง' เผย ราคาทองปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ทำ All-time High ต่อเนื่องที่ 3,707 ดอลลาร์ ก่อนกลับมาปิดตลาด 3,684.6 ดอลลาร์ รวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น +41.6 ดอลลาร์ ราคาทองคำเกิด Sell on Fact หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศอัตราดอกเบี้ย และคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ย (Dot Plot) ประกาศออกมาสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญต่อไปที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ “ร่างงบประมาณชั่วคราว” ก่อนเส้นตาย 30 ก.ย. นี้
เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อเนื่องแค่ในปีนี้
การประชุม FOMC ล่าสุด เฟดมีมติ 11-1 ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00–4.25% โดยมีนายสตีเฟน มิแรน เข้าร่วมการประชุมเฟดครั้งแรก ได้สร้างสีสรรโดยการโหวตเห็นควรลด 0.50% เพียงท่านเดียว ด้าน Dot Plot หรือการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ปีนี้เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% หรือ 2 ครั้ง ส่วนปี 2569-2570 จะลดอัตราดอกเบี้ยเพียงปีละ 0.25% หรือปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการในเดือนมิถุนายน สะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีการเร่งลดดอกเบี้ยแค่ในปีนี้เท่านั้น แต่ชะลอการลดดอกเบี้ยในปีถัดไป ซึ่งแตกต่างกับโพลสำรวจจาก CME FedWatch Tool ที่ยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
· ปี 2568: อีก 2 ครั้ง รวม 0.50% (ต.ค. และ ธ.ค.) คาดสิ้นปีดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.50–3.75%
· ปี 2569: อีก 3 ครั้ง รวม 0.75% คาดสิ้นปีอยู่ที่ 2.75–3.00%
· ปี 2570: ลดอีก 0.25%
ด้านแถลงการณ์นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ย้ำว่าการตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ของคณะกรรมการ FOMC มีเป้าหมายเพื่อ “บริหารความเสี่ยง” ต่อเศรษฐกิจ โดยมองว่าตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัวลงมากกว่าภัยคุกคามจากเงินเฟ้อ แต่ยังต้องจับตาความเสี่ยงด้านราคาที่สูงขึ้นอย่างใกล้ชิด โดยระบุว่าการประเมินความเสี่ยงในแต่ละช่วงเวลา (“meeting-by-meeting situation”) ซึ่งแรงกดดันเงินเฟ้อในปีนี้มาจาก “ราคาสินค้า” เป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากร แม้ปัจจุบันบริษัทผู้นำเข้ายังแบกรับต้นทุนไว้ ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย แต่คาดว่าในระยะถัดไปบริษัทต่าง ๆ จะทยอยส่งผ่านต้นทุนสู่ผู้บริโภคมากขึ้น กดดันราคาสินค้าให้สูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงปีหน้า
พาวเวลยังชี้ว่า การประชุมครั้งนี้ไม่มีการสนับสนุนในวงกว้างต่อการลดดอกเบี้ยมากกว่านี้ และไม่เห็นความจำเป็นในการปรับลดครั้งใหญ่ 0.50% ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกร้อง โดยยืนยันว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ
หน่วยงานสหรัฐฯ อาจถูกชัตดาวน์ หลังโหวตงบประมาณชั่วคราวไม่ผ่าน
วุฒิสภาสหรัฐฯ ปฏิเสธร่างงบประมาณระยะสั้นของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้รัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงปลายเดือนพ.ย. ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการ “ชัตดาวน์” รัฐบาลกลางเพิ่มสูงขึ้น ก่อนเส้นตายงบประมาณสิ้นสุดเที่ยงคืน 30 ก.ย.นี้ ขณะเดียวกัน ร่างงบประมาณของพรรคเดโมแครตที่ผนวกข้อกำหนดด้านโครงการเฮลท์แคร์ก็ไม่ผ่านเช่นกัน ทำให้ทั้งสองสภาตกอยู่ในภาวะทางตัน หากเกิดการชัตดาวน์ หน่วยงานรัฐบาลจำนวนมากจะต้องหยุดให้บริการ เจ้าหน้าที่หลายแสนคนอาจเผชิญภาวะเงินเดือนล่าช้า และการดำเนินงานสำคัญ เช่น การเปิดสวนสาธารณะ การอนุมัติวีซ่า รวมถึงบริการอื่น ๆ จะได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม โครงการภาคบังคับอย่างประกันสังคม (Social Security) และเมดิแคร์ (Medicare) จะยังคงดำเนินการต่อไป
ธนาคารกลางจีน (PBOC) เตรียมผ่อนคลายข้อจำกัดการนำเข้าทองคำ
การปรับเกณฑ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเงินหยวนแข็งค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคจีนสามารถซื้อทองคำได้ในราคาถูกลง ทั้งนี้ แม้เป็นพัฒนาการสำคัญต่อผู้บริโภคและตลาด แต่ยังไม่ใช่การเปิดเสรีเต็มรูปแบบ เนื่องจากจีนยังคงเข้มงวดต่อการส่งออกทองคำ เพื่อควบคุมเงินทุนและสะสมทองคำสำรองของชาติ มาตรการนี้จึงมาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในตลาดทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยออกร่างกฎเกณฑ์ใหม่ ขยายอายุ “ใบอนุญาตที่ใช้ได้หลายครั้ง” จาก 6 เดือนเป็น 9 เดือน ยกเลิกการจำกัดจำนวนครั้งการใช้ และเปิดให้ท่าเรือจีนมากขึ้นสามารถดำเนินพิธีการศุลกากรทองคำได้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า มาตรการนี้ยังเชื่อมโยงกับนโยบายการเงินและค่าเงินของจีน โดยความต้องการใช้ดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าทองคำ อาจช่วยบรรเทาการแข็งค่าของเงินหยวน ซึ่งเป็นความท้าทายต่อเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน
ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามในสัปดาห์
23 กันยายน
เวลา 20.45 น. ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนก.ย. ตลาดคาดการณ์ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.8 จากเดิม 53.0 เช่นเดียวกับ ดัชนี PMI ภาคการบริการ เดือนก.ย. ตลาดคาดการณ์ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.8 จากเดิม 54.5
25 กันยายน
เวลา 19.30 น. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ประมาณการครั้งสุดท้าย ตลาดคาดขยายตัว 3.3% ทรงตัวจากครั้งก่อน
26 กันยายน
เวลา 19.30 น. ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) เดือนส.ค. ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลขสำคัญที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ตลาดคาดการณ์เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าครั้งก่อนที่ 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่เมื่อเทียบรายปีแม้ว่ายังไม่มีตัวเลขคาดการณ์ออกมา แต่หากตัวเลขประกาศออกมาสูงกว่า 2.9% ก็อาจหมายถึงว่าเงินเฟ้อในสหรัฐฯ กำลังเริ่มก่อตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เฟดอาจส่งผลให้เฟดต้องระมัดระวังการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตมากขึ้น ตามที่นายพาวเวลได้แถลงไว้
แนวโน้มราคาทอง
ราคาทองโลกยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นทางการเมืองในสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนจากสงครามภูมิรัฐศาสตร์ ภาพการเคลื่อนไหวในสัปดาห์ จึงคาดว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อและสามารถสร้าง All-time High ได้ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 3,710 ดอลลาร์ และถัดไปที่ 3,735 ดอลลาร์ นักลงทุนระยะสั้นยังคงแนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาปรับตัวลง โดยมีแนวรับที่ 3,625 ดอลลาร์ และ แนวรับจิตวิทยาที่ 3,600 ดอลลาร์ หรือราคาทองคำแท่งประมาณบาทละ 54,900 – 55,000 บาท ขณะที่นักลงทุนทองคำแท่งระยะยาวแนะนำถือครองทองคำต่อไป “Let Profit Run”
ส่วนความเคลื่อนไหวราคาทองคำ (22 ก.ย.2568 ) อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์สมาคมค้าทองคำ ล่าสุดเมื่อเวลา 10.11 น. ขยับขึ้น 150 บาท
ทองแท่ง 96.5%
• รับซื้อ บาทละ 55,450 บาท
• ขายออก บาทละ 55,550 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 54,333.44 บาท
• ขายออก บาทละ 56,350 บาท
ขณะที่ราคาทองคำในตลาด COMEX เวลา 10.47 น.เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,727.30 ปรับเพิ่มขึ้น 21.50 หรือคิดเป็น 0.58%