Deep SPACE หลังจากกระแสแห่ ‘สแกนม่านตา’ แลกเหรียญดิจิตอล WLD ลุกลามเป็นไฟลามทุ่ง แถมยังเกิดขบวนการมิจฉาชีพ ‘รับแลกเหรียญ’ ระบาดในโลกออนไลน์ ตำรวจไซเบอร์-ก.ล.ต. เพิ่งตื่นลุกขึ้นมาตรวจสอบ และเตือนภัย ติดตามในDeep SPACE..ลึกกว่าที่รู้
ก่อนหน้านี้ Deep Space เคยสำเสนอบทความพิเศษขนาดยาว ‘เปิดสูตรปั้นเหรียญ WLD แจกฟรี-เจาะกลุ่มรากหญ้า’(https://spacebar.th/deep-space/deep-space-sec-worldcoin-cryptocurrency-airdrop-rider ) ไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม เพื่อเตือนมหันตภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่จะสร้างความวุ่นวายให้กับตลาดเงินตลาดทุน แต่ดูเหมือนก็ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายคือ บรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสักเท่าไร
กิจกรรมการเปิดให้ชาวบ้านไป ‘สแกนม่านตา’ เพื่อแลกรับเหรียญ WLD ก็ยังคงดำเนินการกันไปอย่างคึกคัก และขยายออกไปในต่างจังหวัดทั่วไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้ ตะวันออกยันตะวันตก
ควบคู่ไปกับการเกิดขบวนการ ‘รับแลกเหรียญ’ ที่ทำกันเอิกเกริกผ่านสื่อออนไลน์ จากกลุ่มทุนที่ต้องการกวาดเหรียญ WLD เข้ามาเพื่อนำไปซื้อขายเก็งกำไรในกระดานเทรด จนเริ่มกลายเป็นช่องทางหากินของกลุ่มมิจฉาชีพบางกลุ่มที่หลอกให้คนที่ได้เหรียญจากการสแกนม่านตานำเหรียญมาขาย โดย ‘หักค่าธรรมเนียมต่ำๆ’ แต่กลับฉวยโอกาสหลอกให้โอนเหรียญไปให้แล้วปิดเพจ ปิดไลน์ ปลิวหายไปกลับสายลม
ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากปัญหาเริ่มขยายวง บานปลายมากขึ้นทุกที ทางการไทยจึงเริ่ม ‘ตื่นจากภวังค์’ หลังจากที่หน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานท้องถิ่นในหลายจังหวัดเริ่มสังเกตพบความไม่ปกติ เช่นในกรณีของ พัทลุงและเพชรบูรณ์ ได้มีการขอให้ ‘หยุดดำเนินการชั่วคราว’ เพื่อตรวจสอบข้อกฎหมาย เนื่องจากเกรงว่าอาจมีความเสี่ยงในเรื่องของการให้ข้อมูลส่วนตัวที่อาจจะผิดกฎหมาย
ล่าสุด ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และเตือนว่าการสแกนม่านตาเป็นการเก็บข้อมูลชีวภาพ หรือ อัตลักษณ์บุคคลที่ ‘อาจมีความเสี่ยง’ ที่จะถูกนำไปใช้ในธุรกรรมอย่างอื่น แม้ผู้ให้บริการจะอ้างว่ามีการเปลี่ยนแปลงรหัสม่านตาเป็นรหัส IRIS Code ที่ไม่สามารถแปลงย้อนกลับได้ แต่ก็ยังอาจจะมีความเสี่ยง
ถึงแม้การดำเนินการในตอนนี้อาจจะถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันในหลายๆประเทศก็ยัง ‘ไม่อนุญาตให้ดำเนินการ’ ในลักษณะนี้ โดยได้มีการทำเรื่องเสนอความเห็นให้ จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ประสานไปยัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อพิจารณาควบคุมกิจกรรมดังกล่าว
ถึงแม้จะยังไม่มีผู้เสียหาย หรือพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมกับเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการให้ข้อมูลในลักษณะดังกล่าว จนกว่าจะมีข้อยืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่กระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคล
อุปกรณ์ ‘สแกนม่านตา’ เพื่อแลกเงินดิจิทัล WLD หรือเวิร์ลคอยน์ นำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2568 และจนถึงวันนี้กระจายไปในหลายจังหวัด มี ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ไปทดสอบและมารีวิวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จนเกิดกระแสแห่กันไปสแกนม่านตาเพื่อแลกเหรียญดิจิทัล

ท่ามกลางคำถามและความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ แต่ก็ ‘เย้ายวน’ ชวนลอง เมื่อเหรียญที่ได้รับแจกจำนวน 30-50 เหรียญ สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ในอัตราเฉลี่ยสูงถึง เหรียญละ 25-35 บาท คิดเป็นเงินถึงราว 1,500-2,000 บาท
ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ก็เพิ่ง‘ตื่นตัว’ ออกข่าวแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการกระทำการที่อาจเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เนื่องจากอาจมีความผิดตามกฎหมายและโทษทั้งจำคุกและปรับ หลังจากพบว่ามีบุคคล และมิจฉาชีพให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลนอกศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
พร้อมทั้งขอให้ประชาชนและผู้ลงทุนระมัดระวังการใช้บริการผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากอาจไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและอาจถูกหลอกลวง (scam) รวมถึงเป็นเส้นทางผ่านเงินของผู้กระทำความผิดที่ต้องการฟอกเงิน
ขณะเดียวกันการให้บริการที่เข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดย‘ไม่ได้รับอนุญาต’ เช่น การประกอบธุรกิจให้บริการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล การประกอบธุรกิจให้บริการนายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และการประกอบธุรกิจให้คำแนะนำการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ที่กระทำการเป็นทางค้าปกติ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยมีโทษทั้งจำคุกและปรับ
ทั้งนี้ตามมาตรา 66 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 - 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 - 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 20,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
นอกจากนี้หากใครถูกหลอกให้โอนเหรีญ แต่ไม่ได้รับเงิน หรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย ก.ล.ต. แนะนำให้แจ้งที่ ‘ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส’ โทร. 1207 หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊กเพจ ‘สำนักงาน ก.ล.ต.’ หรือ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต.
ปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแรง ซึ่งกำลังกลายเป็นกระแสและชักนำให้ชาวบ้านแห่กันมาสแกนม่านตากันที่ ‘บูธ’ ในห้างสรรพสินค้าหลายๆจุดทั่วประเทศ เพราะหวังได้รับแจกเหรียญดิจิทัลฟรีๆ เพื่อไปแลกเงินบาท คนละราว 1,500 บาท โดยไม่ต้องรอให้รัฐบาลมาแจกเงินหมื่น

เมื่อไปตรวจสอบย้อนหลังถึงที่มาที่ไปจะพบว่า World เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกที่ก่อตั้งโดย Sam Altman ซีอีโอ ของ OpenAI บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT และ Alex Blania ซีอีโอ ของ Tools For Humanity
โปรเจกต์ Worldcoin และโทเคน WLD เป็นหนึ่งในระบบนิเวศน์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมา พร้อมกับการเข้ามาของ เทคโนโลยี AI ที่จะมีการยืนยันตัวตนด้วยแนวคิด Proof-of-Personhood โดยใช้ระบบสแกน ‘ม่านตา’ เพื่อป้องกันการสวมรอยโดย ‘บ็อท’ หรือ AI
World เป็นเครือข่ายที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะกระจายอำนาจ Decentralized ให้ผู้ใช้ทุกคนที่อยู่ในระบบ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวกลางเพียงคนใดคนหนึ่ง โดยระบบนิเวศน์ของ World จะเกิดจากการทำงานร่วมกันของเครื่องมือ 4 อย่าง ประกอบด้วย
1.World ID คือ ระบบเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดิจิทัล ที่สามารถเก็บรักษาข้อมูลแต่ละบุคคลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันได้ คือ ระบบสแกนพิสูจน์ตัวตนด้วย ‘ม่านตา’
2. Worldcoin Token หรือ ตัวย่อ WLD คือ ‘โทเคนดิจิทัล’ ที่ใช้ภายในระบบของ World Network โดยเป็นโทเคนที่จะถูกแจกจ่ายให้ฟรีสำหรับคนที่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านระบบ World ID
3.World App คือ แอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถชำระเงิน ซื้อสินค้า และโอนเงินทั่วโลกด้วย Worldcoin โทเคน รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล Stablecoin และสกุลเงินแบบดั้งเดิม โดยจะทำงานบนระบบ ‘บล็อกเชน’ Layer-2 บนเครือข่าย Ethereum เพื่อให้สามารถรองรับข้อมูลจำนวนมากได้
4.World Chain คือ เครือข่ายที่มีรูปแบบของ Superchain ทำหน้าที่เป็นบล็อกเชนสำหรับ ‘มนุษย์อย่างแท้จริง’ ทั้งยังเป็น Open-source ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้งานบนบล็อกเชนได้ด้วย ต้นทุนค่าธรรมเนียมต่ำ
สรุปให้เข้าใจง่ายๆว่า Sam Altman ซีอีโอ ของ OpenAI และ Alex Blania ซีอีโอ ของ Tools For Humanity กำลังจะปั้น ‘โทเคน’ หรือ เหรียญดิจิทัล สกุลใหม่ภายใต้ โปรเจกต์ ‘Worldcoin’ ให้ ‘ปัง’ ขึ้นมาบนโลกสินทรัพย์ดิจิทัล โดยพยายามสร้างเรื่องราวให้ดูซับซ้อน ดูน่าเชื่อถือ มีความแตกต่างกับ โทเคนดิจิทัล สกุลอื่น พร้อมกับการใช้กลยุทธ์การตลาดในรูปแบบ Air Drop ‘แจกฟรี’ ให้กับคนที่มาลงทะเบียนและยืนยันตัวตนกับระบบ
ถึงแม้จะมีการแจกฟรีโทเคน Worldcoin จำนวน 30-50 เหรียญ แต่กว่าจะได้มา จะต้องมีการดาวน์โหลด ‘แอปพลิเคชัน’ World App กรอกข้อมูลส่วนตัว จากนั้นผู้ใช้จะต้องไปยืนยันตัวตนด้วยการสแกนม่านตาผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า ‘Orb’ ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ทรงกลมที่ทีมงาน Worldcoin จะนำไปตั้งตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก
World ให้เหตุผลของการเลือกใช้วิธีการสแกนม่านตาเพื่อยืนยันตัวตน โดยให้เหตุผลว่า ม่านตาของคนเราก็เหมือนกับลายนิ้วมือที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน แถมยังถูกปลอมแปลงได้ยากกว่าลายนิ้วมือ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าคนที่ลงทะเบียนเข้ามาในระบบเป็นมนุษย์จริงๆ
เมื่อผู้ใช้สแกนม่านตากับ Orb สำเร็จ ตัวอุปกรณ์จะไม่ได้เก็บข้อมูลไบโอเมตริกของผู้ใช้ไว้ แต่จะสร้างออกมาเป็น IrisHash หรือชุดรหัสที่สร้างขึ้นมาจากการสแกนและสามารถระบุตัวตนของผู้ใช้ได้ เมื่อผู้ใช้ได้ IrisHash และกระเป๋าดิจิทัลไปแล้ว พวกเขาก็จะได้รับ World ID และพาสปอร์ตดิจิทัลด้วย
ถึงแม้ Worldcoin จะเพิ่ง ‘อุบัติ’ ขึ้นบนโลกสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงปีเดียว คือเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว โดยมีจำนวนเหรียญราว 10,000 ล้าน WLD โดยกระจายออกมาราว 75% และอยู่ในมือของทีมพัฒนาราว 25% แต่ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก ในฐานะโปรเจกต์ที่มีความแปลกใหม่ในวงการ พอๆกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมา ที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนบุคคลที่มีการแสกนม่านตา แต่ด้วยกลยุทธ์ Air Drop แจกฟรีให้กับคนทั่วไปในระยะแรก ก็สร้างแรงจูงใจมากพอให้คนที่สนใจเข้ามาลงทะเบียนรับเหรียญ และเข้าไปเทรดซื้อขายกันอย่างคึกคัก
กลยุทธ์การปั่นราคาของเหรียญ WLD โดยใช้กลยุทธ์ ‘กุ้งฝอยตกปลากะพง’ ด้วยวิธีการแจกฟรี หรือ Air Drop ได้ผลอย่างมาก เพราะบรรดาผู้ที่ได้รับเหรียญแจกฟรีไป เมื่อ ‘พัดหลง’ เข้ามาถือครองเหรียญแล้ว
เมื่อได้เงินจากการขายออกไปแบบฟรีๆ คนละราว 1,500 บาทแล้ว ก็มักจะเกิดความโลภและกลับเข้ามาเทรดซื้อขายเหรียญผ่านกระดานเทรด ‘แพลตฟอร์ม เอ็กซ์เชนจ์’ ต่างๆกันอย่างคึกคัก
ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดขบวนการรวมรวมเหรียญของนักลงทุนบางกลุ่มที่เปิดรับแลกเหรียญจากรายย่อย เพื่อนำไปซื้อขายในกระดานซื้อขายจริง
จากข้อมูลของเว็บไซต์ CoinMarketCap ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา เหรียญ WLD มีมูลค่าตามราคาตลาด หรือ Market Cap ขึ้นไปสูงถึง 1.89 พันล้านเหรียญ สหรัฐฯ หรือราว 6 หมื่นล้านบาท โดยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ เหรียญละ 0.9728 เหรียญ สหรัฐฯ หรือราว 31.50 บาท
ความคลั่งไคล้ในเหรียญ WLD ในหมู่นักลงทุนต่างชาติ เป็นกระแสร้อนแรงมาเป็นระยะๆ เมื่อมีการไปทำตลาดในประเทศต่างๆ แต่สักพักราคาก็จะเริ่มปรับตัวลดลง จากการเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อความเสี่ยง
โดยเฉพาะเหรียญ AI ที่ถูกมองว่าเป็น Junk Coin ที่สุดอันตราย ทำให้นักลงทุนหายอาการ ‘เห่อ’ ถึงแม้จะ WLD จะถูกสนใจในช่วงแรกๆจากที่มีผู้ร่วมก่อตั้งคือ Sam Altman และการใช้กลยุทธ์ ‘แจกฟรี’ ให้กับนักลงทุนที่สนใจ
ที่ผ่านมา Worldcoin ใช้กลยุทธ์ Air Drop ทำตลาดปั่นราคาเหรียญ WLD มาแล้วในหลายๆประเทศ และเริ่มรุกเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยจับมือกับบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ Com7 ของ ‘สุระ คณิตทวีกุล’ และจับมือกับแพลตฟอร์ม ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Exchange เจ้าใหญ่ในไทยหลายราย เพื่อให้ช่วยขยายตลาดและสามารถซื้อขายเหรียญในรูปเงินบาทได้ง่ายขึ้น
ผ่านความร่วมมือกับบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP ซึ่งเป็น Local Operator ของ World ประจำประเทศไทย เปิดจุดให้บริการ ‘Orb verification’ ยืนยันตัวตนโดยการสแกนม่านตา หลังจากลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน World ID ผ่าน ร้าน Banana IT 10 สาขา ในศูนย์การค้าทั่วกรุงเทพฯ รวมทั้งสาขาของ ‘ปันชา’ ที่กระจายอยู่หลายร้อยแห่งทั่วกรุงเทพฯ
ระยะแรกดูเหมือนจะมุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่ม High-end ที่น่าจะมีเงินลงทุนและสนใจในเรื่องเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อาจจะเคยมีประสบการณ์ในการลงทุนใน ‘บิทคอยน์’ หรือ เหรียญดิจิทัลสกุลอื่นมาแล้วบ้าง
แต่หลังจากพบว่ามีกระแสตอบรับและได้รับความนิยมค่อนข้างแรง ประกอบกับเป็นจังหวะที่ราคาบิทคอยน์เริ่มปรับตัวสูงขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง ทำให้มีคนไทยแห่เข้าไปเป็นพลเมืองดิจิทัลของ World ID กันนับแสนรายภายในเวลาไม่กี่เดือน
อาจเพราะความสำเร็จที่เกินความคาดหมาย กลางเดือนมิถุนายนที่เพิ่งผ่านมา World ก็ประกาศจับมือ 11 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ ตั้งเป้าขยาย Orb กว่า 1,000 จุดทั่วประเทศในปี 2568 โดยคาดว่าจะมีคนไทยที่จะถือบัญชี World ID อีกนับแสนรายในปีนี้
มีการจัดงานใหญ่โต อลังการงานสร้าง โดย Tools for Humanity (TFH) บริษัทเทคโนโลยีผู้พัฒนา World ระบบพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ในยุค AI ได้จับมือกับ 2 พันธมิตรหลักอย่าง ศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลและการเงินของประเทศไทย (TIDC) และบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) (MVP) จัดงาน World Day 2025 ครั้งแรกในประเทศไทย
มีการประกาศเปิดตัวความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ 11 พันธมิตรระดับชาติ ได้แก่ COM7, JIB, National Telecom, IMPACT, Pantip, Gogolook (Whoscall), Eventpop, Zentry, Puncha และกระดานดิจิทัล เอ็กซ์เชนจ์ อย่าง Bitazza Thailand, BINANCE TH และ Bitkub ภายใต้แนวคิด ‘World - building trust in the Age of AI’
ความจริงก่อนหน้านี้ นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล จากอุปกรณ์ Orb ที่ใช้ในการสแกนม่านตา ถึงแม้จะมีการยืนยันว่าระบบจะไม่เก็บภาพหรือข้อมูลชีวมิติใดๆของผู้ใช้งานไว้ถาวร หลังจากทำการแปลงภาพม่านตาให้กลายเป็นรหัสไบนารี หรือ Iris Code แล้ว เพราะภาพต้นฉบับจะถูกลบทันที โดยข้อมูลที่ได้จะถูกเข้ารหัสและจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้งานเท่านั้น โดยข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถย้อนกลับไประบุตัวตนได้
การขยายตลาดด้วยวิธีการ Air Drop หรือแจกเหรียญโทเคน WLD ให้ฟรีๆคนละ 50 เหรียญ เมื่อดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน World ID และไปยืนยันตัวตนด้วยการสแกนม่านตา โดย ‘ก้าวข้ามเส้น’ ลงไปเจาะถึงกลุ่มรากหญ้าถูกพูดถึงกันชนิด ‘ปากต่อปาก’ เร็วเป็น ‘ไฟลามทุ่ง’ ชนิดหยุดไม่อยู่ไปทั่วประเทศ และกำลังเริ่มสร้างปัญหาใหม่จากระแส ‘ตื่นเหรียญ’ ในเวลานี้