กรณีข่าวการอายัดบัญชีธนาคารที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนหนึ่ง สร้างความกังวลทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจนั้น ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า การดำเนินการดังกล่าว ไม่ใช่การระงับบัญชีถาวร แต่เป็น มาตรการระงับชั่วคราว ตาม พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ตามมาตรา 6 และ 7 ของ พ.ร.ก.ฯ ธนาคารสามารถระงับธุรกรรมชั่วคราวในวงเงินที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามเม็ดเงินและ คืนเงินผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอกลวง กลไกนี้ดำเนินมาหลายปี โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เป็นหน่วยงานรับเรื่องและตรวจสอบแต่ละบัญชี
ปลัดดีอี ระบุว่า สิ่งที่ดำเนินการเป็นการระงับชั่วคราวเพื่อทำการตรวจสอบและดึงเงินกลับคืน ไม่ใช่ระงับบัญชี ทั้งนี้ ในการตรวจสอบหลายเคสพบเป็นบัญชีม้าและมีผู้บริสุทธิ์ร่วมด้วย ดังนั้น จึงต้องรีบแยกแยะและแก้ไขอย่างสมดุล
“การระงับชั่วคราวอาจทำให้ผู้บริสุทธิ์บางราย ไม่สามารถใช้งานบัญชีได้ชั่วคราว แต่การตรวจสอบแต่ละบัญชีใช้เวลาไม่มาก เนื่องจากมีการประสานงานกับธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้บางส่วนของบัญชีได้รับการเคลียร์แล้ว แต่มีบางส่วนที่ ไม่สามารถเพิกถอนการระงับได้ทันที เพราะหากดำเนินการอาจกระทบต่อผู้เสียหายรายอื่น”
— ปลัดดีอี กล่าว
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึง ความจำเป็นของมาตรการดิจิทัลเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงินออนไลน์ และความสำคัญในการ สร้างความสมดุลระหว่างการปราบปรามและการคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ ระบบการเงินและธุรกรรมดิจิทัล
ปลัดดีอี ยืนยันว่า กระทรวงจะ ติดตามตรวจสอบและคืนสิทธิผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าการใช้งานบัญชีธนาคารและบริการทางการเงินดิจิทัลยังปลอดภัยและเชื่อถือได้