มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากทั้งปัจจัยต่างประเทศและในประเทศที่กดดันทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow)
ตลาดโลกกดดัน–เงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย
มงคลระบุว่า บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ–อินเดีย ประเด็น TikTok กับจีน มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องการปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่ากระทบดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันไปถือครอง ทองคำและเงินสด มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นและพันธบัตรเผชิญแรงขาย
บาทผันผวน–ต่างชาติขายหุ้นไทย
ในฝั่งปัจจัยในประเทศ นักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นและตราสารหนี้ไทย หลังประเมินว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า และธนาคารแห่งประเทศไทยอาจแทรกแซงเพื่อดูแลไม่ให้ค่าเงินผันผวนเกินไป นอกจากนี้ยังมีประเด็นเงินทุนไหลเข้า (NEO) ที่มีแหล่งที่มาไม่ชัดเจน ทำให้ตลาดกังวลว่าจะมีมาตรการสกัดจากแบงก์ชาติ ซึ่งจะกดดันค่าเงินบาทและสร้างความไม่มั่นใจต่อนักลงทุนต่างชาติ
“โฟลว์ที่เห็นตอนนี้เป็นลักษณะ Hot Money ที่พร้อมเคลื่อนย้ายได้ตลอดเวลา ถ้าความเชื่อมั่นในค่าเงินบาทยังไม่ชัดเจน นักลงทุนต่างชาติก็มีแนวโน้มขายทำกำไรออกต่อเนื่อง” มงคลกล่าว
จีนแบนชิป NVIDIA–เร่งสร้าง Tech ecosystem
มงคล ยังให้ความเห็นต่อการที่จีนตัดสินใจ แบนชิป NVIDIA ว่า เป็นสัญญาณที่จีนกำลังเร่งสร้าง ecosystem ด้านเทคโนโลยีของตนเอง แม้จีนสามารถผลิตชิปได้ แต่คุณภาพและความเร็วอาจยังไม่สามารถเทียบสหรัฐฯ ได้ โดยเฉพาะเมื่อ NVIDIA จับมือกับ OpenAI ซึ่งจะทำให้ ecosystem เทคโนโลยีสหรัฐฯ แข็งแรงขึ้น และยิ่งทิ้งห่างจีนมากขึ้น
“ถ้าย้อนกลับไป 3–4 ปีก่อน สหรัฐฯ เพิ่งเริ่มจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีของจีน ทั้งการห้ามส่งออกเครื่องจักรและชิปขั้นสูง ตอนนั้นจีนยังพอสูสี แต่ปัจจุบันช่องว่างห่างออกไปมากขึ้น” มงคลกล่าว
มงคลย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงการจัดเรียงห่วงโซ่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ (Tech Supply Chain) ผู้เล่นที่พัฒนาไม่ได้อาจเสียโอกาสถูกทิ้งออกจากระบบ ขณะที่ผู้เล่นที่มีนวัตกรรมจะได้เปรียบในระยะยาว
ผลต่อหุ้นไทย– DELTAได้อานิสงส์
มงคลมองว่า สำหรับตลาดไทย การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีโลกอาจหนุนหุ้นบางกลุ่ม โดยเฉพาะ เดลต้า (DELTA) ที่แม้เป็นบริษัทสัญชาติไต้หวัน แต่ถือเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย และเป็นตัวเดียวที่ได้ประโยชน์โดยตรง ขณะเดียวกันควรจับตาบริษัทไทยอื่นๆ เช่น WHA, HANA และ GULF ว่าจะสามารถต่อยอดความร่วมมือกับดาต้าเซ็นเตอร์ต่างประเทศหรือไม่
กลยุทธ์ลงทุน–แนะถือเงินสดเพิ่ม ทองคำยังเป็น Safe Haven
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มงคลแนะนำให้นักลงทุนไทยลดความเสี่ยงและถือเงินสดเพิ่ม หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาบริเวณ 1,280 จุด โดยระบุว่า ปัจจุบัน ดาโอลดสัดส่วนการถือหุ้นลงจาก 78–80% เหลือเพียงบางตัว เช่น SCB, AOT และ ADVANC ขณะที่ทยอยขายหุ้นอย่าง TFG, OR และ CPAXT ออกจากพอร์ต
เราถือหุ้นลดลง และปรับพอร์ตมาเป็นเงินสดประมาณ 60% เพื่อรอจังหวะลงทุนที่ชัดเจนขึ้น
— มงคล พ่วงเภตรา
ส่วนทองคำ มงคลมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ยังน่าสนใจ เพราะเข้าสู่ฤดูกาลที่ราคามักปรับขึ้น อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก โดยประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสแตะ 60,000 บาทต่อบาททองคำ หากราคาทองคำโลกขยับขึ้นไปถึงระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“ถ้าใครมีความจำเป็นต้องใช้ทองในอีก 2 เดือนข้างหน้า อาจทยอยซื้อไว้ล่วงหน้าบางส่วน เช่น 50% ของความต้องการ เพื่อเฉลี่ยความเสี่ยง” มงคลแนะนำ