การประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอบนี้ กลายเป็นจุดโฟกัสสำคัญของนักลงทุนทั่วโลกว่าจะมี “เซอร์ไพรส์” หรือไม่ โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์สายงานวิจัย (ลูกค้ารายย่อย) บริษัทหลักทรัพย์ CGS International (ประเทศไทย) เปิดเผยในรายการ First Up ทางเพจ SPACEBAR ว่า ตลาดกำลังคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งถือเป็น “เส้นกลาง” ที่ไม่สร้างแรงสั่นสะเทือน แต่หากเฟดลดมากถึง 0.50% หรือแม้แต่ไม่ลดเลย ตลาดจะเกิดความผันผวนทันที
“ถ้าลด 0.25% ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงยังเดินต่อได้ แต่ถ้า 0.50% ไม่ใช่ข่าวดี เพราะสะท้อนว่าเฟดอาจกังวลเศรษฐกิจมากกว่า ขณะเดียวกันหากไม่ลดเลย ตลาดก็จะผิดหวังทันที”
— กรรณ์ หทัยศรัทธา
“Goldilocks Economy” ยังหนุนตลาดหุ้นโลก
กรรณ์ อธิบายว่า เศรษฐกิจโลกขณะนี้ยังอยู่ในบรรยากาศแบบ Goldilocks คือเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ และแม้ราคาสินทรัพย์จะแพง แต่ก็มีเหตุผลรองรับ
“ตลาดสหรัฐฯ อยู่ใน Goldilocks มาสักพักแล้ว ถ้าเฟดยึดตามสัญญาณจาก Jackson Hole ลดดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ภาพนี้ก็ยังต่อเนื่อง และยังเปิดโอกาสให้หุ้นไปต่อ”
กลยุทธ์ลงทุน: ต้อง “มีทุกอย่าง”
สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนในช่วงนี้ กรรณ์แนะนำให้ลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะผ่าน กองทุนหรือ ETF S&P500 ซึ่งช่วยให้นักลงทุนได้ประโยชน์จากหุ้นเทคยักษ์ใหญ่โดยไม่ต้องเสี่ยงเลือกหุ้นรายตัว
ขณะเดียวกัน ต้องมีสัดส่วนใน ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Markets) เพราะหากดอลลาร์อ่อนค่า เม็ดเงินจะไหลเข้าตลาดเอเชีย รวมถึง ทองคำและพันธบัตร ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่จะได้รับแรงหนุนหากเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อ
“ง่ายที่สุดคือกระจายพอร์ตให้มีทุกอย่าง หุ้นสหรัฐฯ ควรอยู่ราว 15–20% ของพอร์ต ไม่เกิน 50% เพื่อไม่ให้เสี่ยงเกินไป ส่วนที่เหลือควรเน้นหุ้นเอเชีย ทองคำ และพันธบัตร เพราะมีโอกาสเติบโตและป้องกันความผันผวน”
ทองคำ: ยังคงเป็นสินทรัพย์ “ต้องมี”
แม้ราคาทองคำจะปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ แต่กรรณ์ย้ำว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่ต้องถือครองในลักษณะ DCA (ทยอยซื้อ) ทุกเดือน เพราะบริบทโลกยังหนุน ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเพิ่ม และการอ่อนค่าของดอลลาร์
หุ้นไทย: ได้แรงหนุนจาก ครม.ใหม่ – ชู CPALL-PTT เป็น Quick Win
กรรณ์มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยภายใน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ดรีมทีม” ขณะที่การทำงานประสานกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาด
“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างโครงการคนละครึ่ง จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและเป็นข่าวบวกต่อกลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะ CPALL ส่วน PTT ได้ประโยชน์จากโอกาสปรับโครงสร้างราคาก๊าซเพื่อลดค่าไฟประชาชน”