พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลการส่งออกสินค้าไทยภายใต้ มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ของสหภาพยุโรป (อียู) ท่ามกลางกระแสการค้าโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืน การส่งออกสินค้าของไทยภายใต้มาตรการ CBAM พลิกกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป (อียู) โตพุ่ง 29.08% มูลค่า 203.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลิกจากปีก่อนที่หดตัวกว่า 5% ชี้เป็นสัญญาณว่าอุตสาหกรรมไทยเริ่มปรับตัวรับมาตรฐานการค้าคาร์บอนโลก ก่อนที่มาตรการ CBAM จะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มกราคม 2569
หัวหอก ‘เหล็ก-อะลูมิเนียม’
• สินค้าเหล็กและเหล็กกล้า ดันยอดโตแรงถึง 40% มูลค่าเกือบ 170 ล้านดอลลาร์ สวนกระแสโลกที่ส่งออกหดตัว
• อะลูมิเนียม ยังหดตัว 8% เหลือ 33.8 ล้านดอลลาร์ แม้ตลาดโลกขยายตัว
CBAM คืออะไร?
CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) เป็นกฎใหม่ของอียู ภายใต้นโยบาย Green Deal กำหนดให้สินค้านำเข้าที่ปล่อยคาร์บอนสูงต้องซื้อ ‘CBAM Certificate’ ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ เริ่มบังคับเต็มรูปแบบ 1 ม.ค. 2569 ครอบคลุม 6 สินค้า ได้แก่ เหล็ก อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน
“มาตรการ CBAM เป็นกลไกสำคัญของนโยบาย ‘European Green Deal’ ที่อียูตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง แม้ปัจจุบัน การส่งออกกลุ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้กฎหมาย CBAM จากไทยไปอียู จะยังมีสัดส่วนไม่สูงเมื่อเทียบกับการส่งออกไปโลก (ประมาณร้อยละ 4.74 ของมูลค่าการส่งออกสินค้า CBAM จากไทยไปโลก) แต่การเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมไทยเริ่มปรับตัว และมองเห็นโอกาสในการแข่งขันในตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน”
— พูนพงษ์ กล่าว
CBAM โอกาส-ความท้าทาย
• ไทยมีสัดส่วนส่งออก CBAM ไปอียู ราว 5% ของตลาดโลก แต่โตแรง ถือเป็นสัญญาณบวก
• ผู้ประกอบการต้องเตรียมระบบตรวจสอบ ‘คาร์บอนฟุตพริ้นท์’ ของสินค้า ลงทุนเทคโนโลยีสะอาด และใช้มาตรฐานสากล
• นอกจากอียูแล้ว อังกฤษ สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ก็กำลังพิจารณามาตรการแบบเดียวกัน
สนค. มองว่า การปรับตัวครั้งนี้ไม่ใช่แค่รักษาตลาดยุโรป แต่เป็นโอกาสให้ไทยยกระดับการแข่งขันในโลกใหม่ ที่ ‘ความยั่งยืน’ คือกุญแจหลักสู่ความสำเร็จ
“การปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาตลาดยุโรปไว้ได้ แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางการค้าในเวทีโลกยุคใหม่ที่ ‘ความยั่งยืน’ คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ”
— พูนพงษ์ กล่าวย้ำ