ปัญหาการถูก ‘อายัดบัญชีธนาคาร’ กำลังเป็นหนึ่งในความกังวลใหญ่ของประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เพราะแม้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพก็อาจถูกดึงเข้าไปอยู่ใน ‘เส้นทางการเงิน’ จนไม่สามารถทำธุรกรรมได้ทันที ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจอย่างรุนแรง
ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) และสมาคมธนาคารพาณิชย์ เห็นพ้องในการปรับแนวทางใหม่ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ โดยกำหนดให้การปลดล็อกบัญชีทำได้รวดเร็วที่สุดภายใน 3–4 ชั่วโมงต่อรอบ หรือไม่เกิน 1 วัน แทนที่จะต้องรอเป็น 3-7 วันเหมือนที่ผ่านมา
แนวทางใหม่ของการปลดล็อกบัญชี
1. เร่งขั้นตอนตรวจสอบ
ธนาคารพาณิชย์จะตรวจสอบข้อมูลที่ส่งมาจาก ศปอท.ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อรอบ (วันละ 3 รอบ) จากนั้นส่งกลับเพื่อปลดล็อกภายใน 2 ชั่วโมง ทำให้ลูกค้าบริสุทธิ์สามารถกลับมาใช้บัญชีได้ภายในวันเดียว
2. แจ้งลูกค้าอย่างโปร่งใส
เมื่อมีการระงับบัญชี ธนาคารจะส่งข้อความแจ้งว่าเป็นการ “ระงับชั่วคราว” พร้อมวงเงินที่ถูกอายัด เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้าใจและเตรียมการได้ โดยมาตรการนี้จะเริ่มทยอยใช้ภายในเดือนกันยายนนี้
3. ปลดล็อกเชิงรุก (Proactive)
ธนาคารจะนำข้อมูลของลูกค้าที่ถูกอายัด แต่ยังไม่ได้เข้ามาร้องเรียน มาตรวจสอบเชิงรุก หากพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็จะปลดล็อกให้ทันที โดยไม่ต้องรอการยื่นเรื่อง
ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า เดิมระบบเน้น ‘กักเงิน’ ให้ได้มากที่สุดเพื่อหยุดยั้งขบวนการมิจฉาชีพ แต่ก็กระทบผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก แนวทางใหม่จึงต้องปรับสมดุล (Rebalance) เพื่อปกป้องประชาชนที่สุจริตไม่ให้เสียหายโดยไม่จำเป็น
ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
มาตรการใหม่นี้คาดว่าจะช่วยลดจำนวนบัญชีที่ถูกอายัดโดยไม่จำเป็นลงจาก “หลักหมื่นบัญชีต่อสัปดาห์” ให้เหลือน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนกลับมาใช้ระบบการเงินดิจิทัลได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
