แม้สำนักงานข่าวกรองกลาโหม (DIA) จะประเมินว่า การโจมตีของกองทัพสหรัฐฯ ต่อโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘ไม่ได้ทำลาย’ ส่วนประกอบหลักของโครงการนิวเคลียร์ และน่าจะทำให้โครงการล่าช้าไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ออกมาบอกย้ำแล้วย้ำอีกว่า “นิวเคลียร์อิหร่านถูกทำลายไปหมดแล้ว”
มีเหตุผล 2 ประการว่าทำไมทรัมป์ถึงต้องการประกาศให้โลกเชื่อในคำกล่าวอ้างของเขาว่า “โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกทำลายล้างไปแล้ว”
- ประการแรก : ก็เพื่อสะท้อนให้โลกเห็นถึงภาพลักษณ์ของผู้นำที่เข้มแข็ง กล้าหาญ และไม่เคยผิดพลาด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความยิ่งใหญ่ของตัวทรัมป์เอง ดังนั้น ข้อมูล หรือข้อเท็จจริงใดที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์นี้จึงไม่เป็นที่ยอมรับ
- ประการที่สอง : หากมีหลักฐานว่าอิหร่านยังคงมีศักยภาพในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ หรือเริ่มโครงการนิวเคลียร์ใหม่อีกครั้งได้หลังการโจมตีของสหรัฐฯ จะทำให้เกิดคำถามที่น่าอึดอัดใจขึ้นว่า สหรัฐฯ ควรใช้มาตรการทางทหารอีกครั้งเพื่อสกัดกั้น และจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงของความขัดแย้งที่ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายปี ซึ่งทรัมป์เองไม่ต้องการที่จะเข้าไปพัวพันในสงครามยาวนาน อีกทั้งยังอาจทำให้ฐานเสียงกลุ่มสนับสนุนนโยบาย ‘Make America Great Again’ (MAGA) ของเขาไม่พอใจ
ทรัมป์และผู้ช่วยระดับสูงของเขาจึงได้แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงและโจมตีสื่อมวลชนที่รายงานผลการประเมินเบื้องต้นของสำนักงานข่าวกรองกลาโหม (DIA) ซึ่งระบุว่าการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่งไม่สามารถทำลายส่วนสำคัญของโครงการนิวเคลียร์ได้ และอาจทำให้โครงการล่าช้าไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
ทรัมป์ย้ำคำกล่าวในแถลงการณ์ที่การประชุมสุดยอด NATO ว่า “การโจมตีเป้าหมายในอิหร่านเป็น ‘ความสำเร็จอย่างมาก’” และกล่าวเสริมว่า “มันเป็นการทำลายล้าง ไม่มีกองทัพใดในโลกนี้ที่จะทำได้เหมือนเรา”
พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อสำนักข่าว CNN และ The New York Times หลังจากที่สื่อเหล่านี้รายงานผลการประเมินดังกล่าวว่า “พยายามหาทางบิดเบือนด้วยเหตุผลทางการเมืองเพื่อทำร้ายประธานาธิบดีทรัมป์ หรือประเทศของเรา พวกเขาไม่สนใจว่าทหารจะคิดอย่างไร” เฮกเซธ กล่าว
ทำเนียบขาวได้เน้นย้ำถึงการประเมินจากหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารของอิสราเอลเมื่อวันพุธ (25 มิ.ย.) ที่ระบุว่า “โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้รับความเสียหาย ‘อย่างเป็นระบบ’ และล่าช้าไปหลายปี” ขณะที่ จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการ CIA กล่าวในแถลงการณ์ว่า “หน่วยงานมีหลักฐานว่าโครงการนิวเคลียร์ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง”
แม้ว่าคำกล่าวเหล่านี้บ่งชี้ว่าอิหร่านได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่ก็ยังไม่สนับสนุนคำกล่าวอ้างที่กว้างขวางของทรัมป์อย่างเต็มที่
กลยุทธ์ของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี เขากำลังใช้วิธีการสร้างเรื่องเล่าและภาพลักษณ์ของตัวเองในระดับโลก แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนมาสนับสนุนก็ตาม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการอ้างว่ามีการทุจริตเลือกตั้งในปี 2020 ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จที่เขาใช้เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองและฐานเสียงของเขา
หากโลกเชื่อว่าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และแหล่งข้อมูลที่แสดงความเห็นต่างถูกปฏิเสธ หรือถูกลดทอนความน่าเชื่อถือ ทรัมป์ก็จะมีเหตุผลในการไม่ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมใดๆ ต่ออิหร่านต่อไป ซึ่งช่วยให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ยืดเยื้อและรักษาภาพลักษณ์ความสำเร็จของตัวเองได้ในเวลาเดียวกัน
(Photo by Brendan SMIALOWSKI / AFP)