ในประเทศไทย การเลือกตั้งไม่ได้ตัดสินว่าใครจะได้เป็นรัฐบาลเสมอไป ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความขัดแย้งดังกล่าวได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลตัดสิน ‘ปลด’ ออกจากตำแหน่ง และ 1 สัปดาห์ต่อมา กลายเป็นว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ อดีตพันธมิตรพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไทยก็ได้รับการโหวตในสภาให้ขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่
“ความวุ่นวายที่ไม่มีวันจบสิ้นนี้ให้ความรู้สึกราวกับไม่มีทางออก ฉันรู้สึกผิดหวังและเหนื่อยล้ากับการเมืองของเรา”
— อิชย์อาณิคม์ ชิตวิเศษ นักเคลื่อนไหวชาวไทยวัย 28 ปี บอกกับสำนักข่าว South China Morning Post
อิชย์อาณิคม์ เผยอีกว่า เธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับสถาบันอนุรักษนิยมที่ยึดมั่นในอำนาจ ซึ่งแทบจะไม่คลายอำนาจลงเลย แม้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ตาม “ฝ่ายซ้ายดูเหมือนแตกแยก แต่ละฝ่ายต่างไล่ตามลำดับความสำคัญของตัวเอง บางฝ่ายให้ความสำคัญกับสิทธิที่เท่าเทียมกันเหนือสิ่งอื่นใด แต่บางฝ่ายสนับสนุนความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม...บางครั้ง ประชาธิปไตยก็ดูเหมือนเป็นเรื่องรอง”
“ขณะที่ ฝ่ายขวาดูเหมือนจะเป็นน้ำหนึ่งเดียวกันมากกว่า รวมตัวกันเพื่อเป้าหมายเดียว นั่นคือการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง”อิชย์อาณิคม์ กล่าว
ผู้มองเกมการเมืองเฉียบขาด...จนได้เป็นนายกฯ

นายกฯ อนุทินในวัย 59 ปี ทายาทของอาณาจักรก่อสร้างที่เคยดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของประเทศไทยมาแล้วถึง 3 ครั้ง
South China Morning Post รายงานว่า
“อนุทินมีแนวคิดอนุรักษนิยมสุดโต่งที่ค่อนไปทางขวา เขาวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ แทนที่ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีที่ถูกจำคุก ซึ่งแพทองธารเพิ่งขึ้นเป็นนายกฯ ต่อจาก เศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เมื่อปีที่แล้ว”
“อนุทินมีความเฉียบแหลมทางการเมืองอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา...แน่นอนว่าในช่วงเวลาปกติ พรรคการเมืองที่มีที่นั่งมากกว่า 70 ที่นั่งเพียงเล็กน้อยจะไม่ถูกมองว่าเป็นพรรคการเมืองหลักในรัฐบาลผสม แต่นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติอย่างแน่นอน” เคน เมธิส โลหเตปานนท์ นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าว
อนุทินอาศัยจังหวะลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ในช่วงที่แพทองธารมีประเด็นคลิปเสียงหลุดคุยกับ ฮุน เซน ซึ่งนำไปสู่การ ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว’ และท้ายที่สุดก็ถูกปลดจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2025
แม้อนุทินจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างยากลำบาก แต่เขาก็ให้คำมั่นว่า “จะยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในไม่กี่เดือน” ภายใต้ข้อตกลงกับพรรคประชาชน ฝ่ายค้านที่สนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งมี สส.ในสภามากที่สุดจนทำให้อนุทินได้รับคะแนนเสียงในสภาเพิ่มถึง 143 เสียง นอกจากนี้ เขายังต้องจัดการลงประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2017 ที่ร่างโดยกองทัพ ซึ่งนักวิจารณ์ระบุว่า “เป็นการปิดกั้นผู้ต้องการปฏิรูป และทำให้อำนาจของชนชั้นนำแน่นแฟ้นขึ้นอีกด้วย”
“ความท้าทายสำหรับอนุทินในขณะนี้คือ การบริหารประเทศในขณะที่เศรษฐกิจกำลังย่ำแย่และความตึงเครียดบริเวณชายแดนยังคงเป็นปัญหาอยู่ ขณะเดียวกันก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขกับพรรคประชาชนด้วย”
— เคน กล่าว
สำหรับผู้นำที่ไม่มีเสียงข้างมากในสภา อุปสรรคต่างๆ จะชัดเจนอย่างมาก เพราะการปฏิรูปรัฐธรรมนูญใดๆ อาจทำให้ผู้ลงคะแนนเสียงฝ่ายอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นฐานเสียงที่น่าเชื่อถือที่สุดของเขาไม่พอใจ เนื่องจากในปี 2023 ที่พรรคก้าวไกลในขณะนั้น ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย กลับถูกเหล่า สว. รวมถึงพรรคภูมิใจไทย และพันธมิตรขัดขวางไม่ให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล
สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ที่หมดหวังมองว่า การทรยศหักหลังครั้งนั้นยังคงเจ็บปวด ไม่ต่างอะไรกับการที่พรรคประชาชนให้การสนับสนุนอนุทิน “ถ้าฉันต้องลงคะแนนเสียงในวันนี้ ฉันยังคงจะไปลงคะแนนเสียง...แต่ฉันจะกา ‘งดออกเสียง’ ในบัตรลงคะแนน” อิชย์อาณิคม์ กล่าว
อนาคตประเทศไทยภายใต้การนำของ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ จะเป็นอย่างไร...

“สำหรับสิ่งที่อนุทินต้องทำนั้นน่าหวั่นเกรง เศรษฐกิจกำลังต้องการการฟื้นตัวอย่างเร่งด่วน ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ และข้อพิพาทชายแดนกับกัมพูชาก็ต้องจัดการอย่างรอบคอบ ขณะที่ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้น นักลงทุนเริ่มลังเล และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ลดระดับเครดิตของไทย”
— South China Morning Post รายงาน
สำหรับประชาชนชาวไทยที่เหนื่อยล้ากับการผิดสัญญา และความวุ่นวายที่ไม่รู้จบ การเลือกตั้งครั้งใหม่ดูเหมือนจะให้ความหวังในการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่าเหล่าชนชั้นอนุรักษนิยมจะสละอำนาจหากพวกเขาแพ้
“นี่เป็นช่วงเวลาที่ผันผวนในภูมิทัศน์ทางธุรกิจและทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ด้วยความคาดหวังต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป รัฐบาลชุดใหม่จะมีแรงจูงใจที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อให้ได้เปรียบในการเลือกตั้ง...”
— ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว
ศ.ดร.ฐิตินันท์ บอกอีกว่า “พรรคภูมิใจไทยทราบดีว่าพรรคประชาชนกำลังเตรียมพร้อมที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่พรรครัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่นี้น่าจะทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ โดยอาจได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรนอกรัฐสภา เพื่อรักษาอำนาจของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป”
แต่ขณะที่ฝุ่นควันจากวัฏจักรความวุ่นวายทางการเมืองของไทยเริ่มจางลง “มีบุคคลหนึ่งที่ยืนหยัดอย่างชนะเลิศ คนที่หัวเราะสุดเสียงก็คือ ‘อนุทิน’ เขาเป็นหน้าใหม่ของชนชั้นนำไทย” ศาสตราจารย์ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการไทย กล่าว
(Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)