สหรัฐฯ ลงดาบคว่ำบาตรทุบเครือข่ายสแกมเมอร์ในอาเซียนมุ่งเป้าเมียนมา-กัมพูชา

9 ก.ย. 2568 - 09:10

  • สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทและบุคคลเกือบ 20 รายในเมียนมาและกัมพูชา เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหลอกลวงระดับโลกมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

  • กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและการทูตต่อเป้าหมาย 9 รายที่ปฏิบัติการในเมืองชเวก๊กโกอันโด่งดังของเมียนมา และอีก 10 รายในกัมพูชา

  • “อุตสาหกรรมหลอกลวงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เพียงแต่คุกคามความเป็นอยู่และความมั่นคงทางการเงินของชาวอเมริกันเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องตกเป็นทาสยุคใหม่...” ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน กล่าวในแถลงการณ์

สหรัฐฯ ลงดาบคว่ำบาตรทุบเครือข่ายสแกมเมอร์ในอาเซียนมุ่งเป้าเมียนมา-กัมพูชา

สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทและบุคคลเกือบ 20 รายในเมียนมาและกัมพูชา เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหลอกลวงระดับโลกมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวันจันทร์ (8 ก.ย.) ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและการทูตต่อเป้าหมาย 9 รายที่ปฏิบัติการในเมืองชเวก๊กโกอันโด่งดังของเมียนมา และอีก 10 รายในกัมพูชา 

“อุตสาหกรรมหลอกลวงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เพียงแต่คุกคามความเป็นอยู่และความมั่นคงทางการเงินของชาวอเมริกันเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องตกเป็นทาสยุคใหม่...ในปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.1 แสนล้านบาท) จากปฏิบัติการหลอกลวงที่มีต้นตอมาจากภูมิภาคนี้”

จอห์น เค. เฮอร์ลีย์ ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน กล่าวในแถลงการณ์  

กระทรวงการคลังระบุว่า มีการออกมาตรการคว่ำบาตรต่อ ทิน วิน, ซอ มิน มิน อู และบริษัท ‘Chit Linn Myaing Co’ ที่ทำหน้าที่แทนกองทัพชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ซึ่งปกป้องการดำเนินการโกงขนาดใหญ่นี้ รวมถึง เฉอ จื่อเจียง ผู้ก่อตั้งโครงการเมืองใหม่ ‘Yatai New City’ ในเมืองชเวก๊กโก อีกทั้ง บริษัทหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาก็ถูกคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน ซึ่งตามกฎหมายแม็กนิตสกี (Magnitsky Act) จะถูกห้ามเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ และทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคาร 

ขณะที่ในกัมพูชา กระทรวงการคลังก็ได้คว่ำบาตร ตง เล่อเฉิง, ซู อ้ายหมิน, เฉิน อัล เลิน และซู เหลียงเชิง รวมถึงบริษัทอีก 6 แห่งที่พวกเขาเกี่ยวข้อง เนื่องจากมีบทบาทในการเปลี่ยนโรงแรม อาคารสำนักงาน และกาสิโนหลายแห่งให้กลายเป็นแหล่งหลอกลวง   

อย่างไรก็ดี เมียนมาและกัมพูชาได้กลายเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงทางไซเบอร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งดำเนินการโดยเครือข่ายอาชญากรรมที่มักมีความเชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรมจีน โดยการโกงเหล่านี้ทำให้เหยื่อทั่วโลกสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี 

กลโกงดังกล่าวรู้จักกันในชื่อ ‘การฆ่าหมู’ (pig-butchering) ซึ่งเป็นกลโกงที่มิจฉาชีพจะสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อก่อนจะโน้มน้าวให้พวกเขาลงทุนในโครงการที่ไม่มีอยู่จริง 

หลายคนที่ดำเนินการหลอกลวงเหล่านี้ล้วนเป็นเหยื่อเอง ซึ่งถูกชักจูงจากต่างประเทศด้วยสัญญางานปลอม ถูกกักขังโดยไม่ยินยอม และมักถูกทำร้ายอย่างรุนแรง แม้ว่าจะหาตัวเลขที่แน่ชัดได้ยาก แต่หน่วยงานช่วยเหลือของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันได้ปิดตัวลงแล้ว ได้ประมาณการว่ามีเหยื่อประมาณ 150,000 คน ติดอยู่ในแหล่งหลอกลวงในกัมพูชา ขณะที่รัฐบาลไทยประมาณการว่ามี 100,000 คนที่เป็นทาสในเมียนมา 

(Photo by POOL / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์