สหรัฐฯ อนุมัติขายขีปนาวุธ ‘Javelin’ ให้โปแลนด์ท่ามกลางภัยคุกคามจากรัสเซียที่เพิ่มมากขึ้น

20 ก.ย. 2568 - 04:49

  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าได้อนุมัติการขาย ‘ระบบขีปนาวุธเจฟลิน’ (Javelin Missile Systems) และอุปกรณ์ลอจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องให้แก่โปแลนด์ มูลค่าประมาณ 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.4 หมื่นล้านบาท)

  • ในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงกลาโหม (DSCA) ระบุว่า รัฐบาลโปแลนด์ได้ขอซื้อขีปนาวุธ ‘FGM-148F Javelin’ จำนวน 2,506 ลูก และหน่วยควบคุมการยิงจรวดที่มีน้ำหนักเบาจำนวน 253 ชุด

  • การประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่กองกำลังโปแลนด์และ NATO ยิงโดรนตกมากกว่า 20 ลำ ซึ่งละเมิดน่านฟ้าของประเทศ ระหว่างการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในยูเครนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านโปแลนด์

สหรัฐฯ อนุมัติขายขีปนาวุธ ‘Javelin’ ให้โปแลนด์ท่ามกลางภัยคุกคามจากรัสเซียที่เพิ่มมากขึ้น

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าได้อนุมัติการขาย ‘ระบบขีปนาวุธเจฟลิน’ (Javelin Missile Systems) และอุปกรณ์ลอจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องให้แก่โปแลนด์ มูลค่าประมาณ 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.4 หมื่นล้านบาท) ขณะที่โปแลนด์กำลังเสริมกำลังป้องกันประเทศท่ามกลางภัยคุกคามจากการรุกรานของรัสเซียที่เพิ่มมากขึ้น 

ในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงกลาโหม (DSCA) ระบุว่า รัฐบาลโปแลนด์ได้ขอซื้อขีปนาวุธ ‘FGM-148F Javelin’ จำนวน 2,506 ลูก และหน่วยควบคุมการยิงจรวดที่มีน้ำหนักเบาจำนวน 253 ชุด 

‘Javelin’ เป็นระบบขีปนาวุธประทับบ่าซึ่งใช้สำหรับเล็งเป้าหมายไปที่รถถัง ยานเกราะเบา บังเกอร์ และเครื่องบินที่บินต่ำ 

นอกจากนี้ โปแลนด์จะได้รับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่อาวุธหลัก (non-MDE) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ รวมถึงกระสุนจำลองขีปนาวุธ หน่วยหล่อเย็นแบตเตอรี่ ชุดเครื่องมือ อะไหล่สำรอง รวมทั้งการฝึกอบรมและความช่วยเหลือทางเทคนิคจากรัฐบาลสหรัฐฯ และผู้รับเหมา 

ทั้งนี้ หน่วยงานของสหรัฐฯ ระบุว่าได้แจ้งต่อรัฐสภาเกี่ยวกับการขายที่อาจเกิดขึ้นเพื่อขออนุมัติแล้ว “การขายที่เสนอนี้จะสนับสนุนนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ด้วยการปรับปรุงความมั่นคงของพันธมิตร NATO ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจในยุโรป”   

การขายดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของโปแลนด์ในการรับมือกับภัยคุกคามทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยการยกระดับหน่วยบัญชาการเดิมที่มีอยู่ และเพิ่มกำลังพลด้านกลาโหม ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการปกป้องดินแดนอธิปไตยของโปแลนด์ และเพิ่มศักยภาพในการตอบสนองความต้องการของ NATO” DSCA ระบุในแถลงการณ์   

ด้าน วลาดิสลาฟ โคซิเนียก-คามิสซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ เผยว่า “โปแลนด์จะลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับยูเครน เพื่อให้กองทัพยูเครนฝึกอบรมทหารและวิศวกรชาวโปแลนด์เกี่ยวกับวิธีการป้องกันโดรน” 

การประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่กองกำลังโปแลนด์และ NATO ยิงโดรนตกมากกว่า 20 ลำ ซึ่งละเมิดน่านฟ้าของประเทศ ระหว่างการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในยูเครนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านโปแลนด์ 

เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 กันยายนเป็นครั้งแรกที่กองกำลังโปแลนด์และ NATO เข้าร่วมในความขัดแย้ง โดยยูเครนอ้างว่ารัสเซียใช้โดรนโจมตีเพื่อทดสอบความตั้งใจของฝ่ายตะวันตกในการตอบโต้การรุกราน 

ขณะเดียวกัน รัสเซียก็เผยว่า กองกำลังของตัวเองไม่ได้ตั้งใจที่จะโจมตีเป้าหมายของโปแลนด์ และขณะนั้นกำลังโจมตียูเครนในช่วงเวลาที่เกิดการรุกรานทางอากาศ 

นอกจากนี้ เดนมาร์กยังประกาศในช่วงในสัปดาห์นี้ว่า จะจัดหาอาวุธพิสัยไกลความแม่นยำสูงเป็นครั้งแรกเพื่อป้องปรามรัสเซีย ซึ่งนายกฯ เมตเต เฟรเดอริกเซน ของเดนมาร์ก อธิบายว่า “เป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในนโยบายการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก” 

“รัสเซียจะเป็นภัยคุกคามต่อเดนมาร์กในอีก ‘หลายปีข้างหน้า’ แม้ว่าจะไม่มีอันตรายจากการโจมตีที่ใกล้จะเกิดขึ้นก็ตาม...ด้วยอาวุธเหล่านี้ กองกำลังป้องกันประเทศจะสามารถโจมตีเป้าหมายในระยะไกล และกำจัดภัยคุกคามจากขีปนาวุธของศัตรูได้”

นายกฯ เฟรเดอริกเซน กล่าว 

(Photo by Michael Ciaglo / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์