พายุไต้ฝุ่นบัวลอย (Typhoon Bualoi) กำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้าสู่ทะเลตะวันออก และคาดว่าจะพัดลมแรง ทะเลมีคลื่นสูง และฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างทางตอนกลางและตอนเหนือของเวียดนามในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นับเป็นพายุลูกที่ 10 ที่เข้าสู่ทะเลในปีนี้
ตามคำกล่าวของ ฮวง ฟุก เลิม รองผู้อำนวยการศูนย์อุทกวิทยาแห่งชาติ ระบุว่า เมื่อเวลา 7:00 น. ของวันที่ 26 กันยายน ศูนย์กลางของพายุอยู่ที่ละติจูดประมาณ 12.2 องศาเหนือ และลองจิจูด 123.3 องศาตะวันออก เหนือพื้นที่ตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ ลมแรงที่สุดใกล้ตาพายุมีความเร็วถึงระดับ 11 (103-117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และมีลมกระโชกแรงถึงระดับ 14 พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในอีก 72-120 ชั่วโมงข้างหน้า กรมอุตุฯ คาดการณ์ว่าพายุจะยังคงเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็วด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะค่อยๆ ลดความรุนแรงลง
ภายในเวลา 7:00 น. ของวันที่ 27 กันยายน พายุจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือในทะเลตะวันออกด้วยความเร็ว 30-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะมีกำลังแรงขึ้น พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะอยู่ทางฝั่งตะวันออกของทะเลตะวันออกตอนเหนือและตอนกลาง ความเสี่ยงภัยพิบัติอยู่ที่ระดับ 3
ต่อมาในช่วงเวลา 7:00 น. ของวันที่ 28 กันยายนคาดว่า ศูนย์กลางพายุจะยังคงเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจทวีกำลังแรงขึ้น พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะครอบคลุมพื้นที่ทางเหนือและทะเลตะวันออกตอนกลาง รวมถึงทะเลฮวงซาของเวียดนาม และน่านน้ำตั้งแต่ตอนใต้ของจังหวัดกว๋างจิไปจนถึงจังหวัดกว๋างหงาย
ส่วนในวันที่ 29 กันยายน ศูนย์กลางพายุจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกของทะเลตะวันออกตอนเหนือและตอนกลาง รวมถึงทะเลฮวงซา อ่าวตังเกี๋ยตอนใต้ และน่านน้ำตั้งแต่ตอนใต้ของจังหวัดกว๋างจิไปจนถึงจังหวัดกว๋างหงาย
เนื่องจากผลกระทบของพายุ ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 26 กันยายนเป็นต้นไป พื้นที่ทางตะวันออกของทะเลตะวันออกตอนเหนือและตอนกลางจะมีลมแรงระดับ 6-7 และต่อมาจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระดับ 8-9 ส่วนพื้นที่ใกล้ศูนย์กลางพายุจะมีลมแรงระดับ 10-12 และมีลมกระโชกแรงถึงระดับ 15 คลื่นสูง 5-7 เมตร และทะเลมีคลื่นแรงมาก
กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ฝนที่ตกหนักเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่ม พื้นที่เมือง และพื้นที่อุตสาหกรรม รวมถึงน้ำท่วมฉับพลันในแม่น้ำลำคลองขนาดเล็ก และดินถล่มในพื้นที่ภูเขา พายุฝนฟ้าคะนองอาจทำให้เกิดลมหมุนวน ฟ้าผ่า มีลูกเห็บตก และลมกระโชกแรง ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อชุมชนและโครงสร้างพื้นฐาน
(Photo by Nhac NGUYEN / AFP)