โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เตรียมเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการสัปดาห์นี้ เป็นครั้งที่สองในตำแหน่ง สร้างประวัติศาสตร์ใหม่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้ ขณะที่อังกฤษจัดเตรียมพิธีการสุดยิ่งใหญ่เพื่อต้อนรับผู้นำอเมริกันที่ไม่อาจคาดเดาได้
พิธีการสีแดงยิ่งใหญ่ที่พระราชวังวินเซอร์
กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินี คามิลลา จะจัดพิธีต้อนรับสุดพิเศษ ตั้งแต่การบินผ่านของเครื่องบินทหาร ขบวนรถม้าพระราชพิธี ไปจนถึงงานเลิ้ยงพระราชอาหารที่พระราชวังวินเซอร์อันเป็นที่ประทับประวัติศาสตร์อันเก่าแก่
เจ้าชายวิลเลียม ทรงเป็นรัชทายาท และเจ้าหญิงแคเธอรีน จะเป็นผู้รับการมาเยือนในวันพุธ พร้อมต้อนรับทรัมป์และเมลาเนีย ภรรยา ด้วยบรรยากาศสุดหรูหรา ทรัมป์ยังจะเข้าเฝ้าหลุมฝังพระศพของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ล่วงลับในปี 2565 เป็นการส่วนตัว
เป้าหมายทางการเมืองและเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ หวังใช้โอกาสนี้เสริมสร้างความสัมพันธ์พิเศษระหว่างอังกฤษกับสหรัฐ แม้ทั้งสองจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน การเยือนครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อให้อังกฤษเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ได้รับข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ และหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์
ในวันพฤหัสบดี ทรัมป์จะเดินทางไปยังเช็กเกอร์ส ที่พักตากอากาศของนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะผู้นำธุรกิจสหรัฐ เพื่อลงนามในสิ่งที่เจ้าหน้าที่อังกฤษเรียกว่า ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระดับโลก และ ข้อตกลงนิวเคลียร์ทางพลเรือนขนาดใหญ่
ประเด็นยูเครนและเสรีภาพในการพูด
สงครามในยูเครนจะเป็นหัวข้อสำคัญในการเจรจา สตาร์เมอร์เป็นหนึ่งในผู้นำยุโรปที่พยายามโน้มน้าวให้ทรัมป์สนับสนุนกีฟต่อไป ท่ามกลางสัญญาณที่ทรัมป์อาจหันไปสนิทสนมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดยังคงแฝงอยู่เบื้องหลัง ทำเนียบขาวระบุว่าทรัมป์จะหยิบยกประเด็น ความสำคัญของการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกในสหราชอาณาจักร หัวข้อหลักที่อีลอน มัสก์ อดีตพันธมิตรของทรัมป์ กล่าวถึงในการชุมนุมของกลุมขวาจัดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมลาเนียและงานช่วยเหลือสังคม
เมลาเนีย ทรัมป์ ซึ่งไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะ จะมีกิจกรรมแยกต่างหากในวันพฤหัส โดยเยี่ยมชมบ้านตุ๊กตาพระราชินีแมรี่ที่วินเซอร์ร่วมกับพระราชินีคามิลลา และเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือกับเจ้าหญิงแคเธอรีน ผู้เพิ่งกลับมาปรากฏตัวในที่สาธารณะหลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง
ประเด็นที่อาจสร้างความอึดอัดคือเรื่องอื้อฉาว เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ ที่กำลังสร้างปัญหาให้ทรัมป์ในสหรัฐ โดยสตาร์เมอร์ถูกบังคับให้ปลดปีเตอร์ แมนเดลสัน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำวอชิงตัน เนื่องจากมิตรภาพกับผู้กระทำความผิดทางเพศที่ถูกดูหมิ่น

