ชาวฟิลิปปินส์นับหมื่นคนเดินขบวนในวันอาทิตย์ (21 ก.ย.) ในกรุงมะนิลา เพื่อระบายความโกรธแค้นต่อเรื่องอื้อฉาวที่บานปลายเกี่ยวกับโครงการควบคุมน้ำท่วมปลอม ซึ่งทำให้ประเทศเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การประท้วงครั้งใหญ่ที่ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบบานปลายกลายเป็นความรุนแรง เมื่อตำรวจปราบจลาจลใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงปะทะกับกลุ่มคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่สวมหน้ากาก ซึ่งส่วนใหญ่ขว้างปาหินและทุบกระจกหน้าสถานีตำรวจแห่งหนึ่งแตกละเอียด
โฆษกหญิงของตำรวจกล่าวว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 72 คน รวมถึงเยาวชน 20 คน ในเหตุการณ์แยกกัน 2 ครั้ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 39 นาย และรถพ่วงที่ถูกใช้เป็นเครื่องกีดขวางถูกวางเพลิง
พันตรี เฮเซล อาซิโล บอกกับสำนักข่าว AFP ว่า ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ที่ถูกจับกุมเป็น “ผู้ประท้วงหรือเป็นเพียงคนที่ก่อความวุ่นวาย”
กระแสความโกรธแค้นต่อโครงการโครงสร้างพื้นฐาน “เก๊” ทวีความรุนแรงขึ้นในฟิลิปปินส์ นับตั้งแต่ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาในเดือนกรกฎาคม หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่
มาร์กอสกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาไม่ได้ตำหนิประชาชนที่ออกมาประท้วง “แม้แต่น้อย”
วันอาทิตย์การชุมนุมประท้วงในกรุงมะนิลาเริ่มขึ้นอย่างสงบในช่วงเช้าที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเกือบ 50,000 คน ประชาชนอีกหลายพันคนเข้าร่วมการชุมนุมช่วงบ่ายที่ถนนสายหลักในเมืองหลวง ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวในปี 1986 ที่โค่นล้มบิดาผู้เป็นเผด็จการของมาร์กอส

เสียหายเป็นพันล้าน
กระทรวงการคลังประเมินว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์สูญเสียเงินมากถึง 118,500 ล้านเปโซ (63,649 ล้านบาท) ในปี 2023-2025 เนื่องจากการทุจริตในโครงการควบคุมน้ำท่วม ขณะที่กรีนพีซระบุว่าตัวเลขที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่เกือบ 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (572,841 ล้านบาท)
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เจ้าของบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งได้กล่าวหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกือบ 30 คน และเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและทางหลวง (DPWH) ว่ารับเงินสด
เรื่องอื้อฉาวนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้นำในทั้งสองสภาของรัฐสภา โดยประธานสภาผู้แทนราษฎร มาร์ติน โรมูอัลเดซ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของมาร์กอส ได้ยื่นใบลาออกเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ขณะที่การสอบสวนกำลังดำเนินอยู่
ในวันอาทิตย์ มีนักการเมืองหลายคนเข้าร่วมการประท้วงซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากคริสตจักรคาทอลิกที่ทรงอิทธิพลและมีครอบครัวจำนวนมากเข้าร่วม
“นี่ไม่ใช่การฝักใฝ่ฝ่ายใด” มานูเอล เดลา เซอร์นา วัย 58 ปีซึ่งเคยเข้าร่วมการประท้วง Peoplke Power เมื่อสี่ทศวรรษก่อนเผย “พวกเขากำลังสูบเงินของประชาชน ขณะที่ประชาชนต้องทนทุกข์กับน้ำท่วม บ้านเรือนถูกพัดหายไป ขณะที่เจ้าหน้าที่นั่งเครื่องบินส่วนตัวและอาศัยอยู่ในคฤหาสน์”
ฟิลิปปินส์มีประวัติอันยาวนานกรณีเรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับเงินของรัฐ ซึ่งนักการเมืองระดับสูงที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันมักจะรอดพ้นโทษจำคุก
ศาสตราจารย์ เดนนิส โคโรนาซิออน หัวหน้าภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานโต โทมัสกล่าวว่า ผู้ประท้วงไม่พอใจกับสิ่งที่มาร์กอสได้ดำเนินการมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนข้อกล่าวหาการทุจริตในโครงการควบคุมน้ำท่วม
ส่วนเรื่องว่าประธานาธิบดีมาร์กอสต้องรับผิดชอบในกรณีล่าสุดนี้หรือไม่ ความเห็นของชาวฟิลิปปินส์ยังแบ่งเป็นสองฝั่ง
หลายคนเชื่อว่สประธานาธิบดีมาร์กอสต้องรับผิดชอบ เนื่องจากเป็นผู้ลงนามงบประมาณแผ่นดินปี 2025 แต่คนอื่นๆ คิดต่างออกไป เนื่องจากประธานาธิบดีมาร์กอสเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาออกมาชี้แจงต่อรัฐสภา และยังมีชาวฟิลิปปินส์อีกจำนวนหนึ่งที่กลัวว่ารองประธานาธิบดีจะเข้ามายึดเก้าอี้ผู้นำ เนื่องจากรัฐธรรมนูญเปิดทาง เพราะมองว่ารองประธานาธิบดีก็มีความผิดเรื่องการคอร์รัปชันในคดีของตัวเองเช่นกัน
Photo by Ted ALJIBE / AFP