เปิด 10 อันดับประเทศที่ผลิต ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ มากที่สุดในโลก ไทยโผล่อันดับ 6

28 ต.ค. 2568 - 07:00

  • ในยุคที่โลกกำลังแข่งขันกันแย่งชิงทรัพยากรเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีสะอาด ว่ากันว่าแร่แรร์เอิร์ธนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน การใช้งานทางทหาร และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

  • ขณะที่ประเทศไทยก็กำลังกลายเป็นชื่อที่คุ้นเคยในอุตสาหกรรมแร่แรร์เอิร์ธ หลังจากผลิตได้ 13,000 เมตริกตันในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 260% ภายในปีเดียว

  • SPACEBAR พาไปดู 10 อันดับประเทศที่ผลิต ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ มากที่สุดในโลกในปี 2024

เปิด 10 อันดับประเทศที่ผลิต ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ มากที่สุดในโลก ไทยโผล่อันดับ 6

ในยุคที่โลกกำลังแข่งขันกันแย่งชิงทรัพยากรเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีสะอาด ว่ากันว่าแร่แรร์เอิร์ธนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน การใช้งานทางทหาร และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง  

ความต้องการแร่แแร์เอิร์ธ เช่น นีโอดิเมียม ดิสโพรเซียม เพรซีโอดิเมียม และอิตเทรียม กำลังเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก 

อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ กำลังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการลงทุนในแร่แรร์เอิร์ธ เนื่องจากจีนเป็นผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ธรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยในปี 2024 การนำเข้าแร่แรร์เอิร์ธของสหรัฐฯ 70% มาจากจีน แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ธรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แต่สหรัฐฯ ก็ยังตามหลังจีนอยู่มาก โดยมีปริมาณสำรองเพียง 2% ของโลก 

ขณะที่ประเทศไทยก็กำลังกลายเป็นชื่อที่คุ้นเคยในอุตสาหกรรมแร่แรร์เอิร์ธ หลังจากผลิตได้ 13,000 เมตริกตันในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 260% ภายในปีเดียว 

จากข้อมูลของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า ‘นี่คือ 10 ประเทศที่ผลิตแร่แรร์เอิร์ธมากที่สุดในโลกในปี 2024’... 

1.) จีน 

ปริมาณการผลิตแร่แรร์เอิร์ธภายในประเทศของจีนอยู่ที่ 270,000 เมตริกตันในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 255,000 เมตริกตันในปีก่อนหน้า 

จีนครองส่วนแบ่งการผลิตแร่แรร์เอิร์ธมาเป็นระยะเวลานาน แม้จีนจะครองส่วนแบ่งการผลิตแร่แรร์เอิร์ธทั่วโลกจาก 17 ชนิด แต่ผลผลิตกลับกระจุกตัวอยู่ในแร่แรร์เอิร์ธชนิดเบา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่ธาตุแรร์เอิร์ธชนิดแม่เหล็ก เช่น นีโอดิเมียม และเพรซีโอดิเมียม โดยบริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ‘China Northern Rare Earth High-Tech' ซึ่งดำเนินกิจการ ‘Bayan Obo’ ที่มีปริมาณการผลิตสูงในเขตมองโกเลียในด้วย 

ผู้ผลิตชาวจีนต้องปฏิบัติตามระบบโควต้าสำหรับการผลิตแร่แรร์เอิร์ธ เพื่อควบคุมปริมาณและปราบปรามการทำเหมืองที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานกว่าทศวรรษ ที่น่าสนใจคือ ระบบนี้ทำให้จีนกลายเป็นผู้นำเข้าแร่แรร์เอิร์ธรายใหญ่ที่สุดของโลกตั้งแต่ปี 2018  

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2024 โดยกำหนดให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมือง การถลุง และการค้าแร่แรร์เอิร์ธต้องรายงานข้อมูลการผลิตโดยละเอียดลงในระบบตรวจสอบย้อนกลับ  

2.) สหรัฐฯ 

สหรัฐฯ ผลิตแร่แรร์เอิร์ธได้ 45,000 เมตริกตันในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 41,600 เมตริกตันในปีก่อนหน้า

ปัจจุบัน อุปทานแร่แรร์เอิร์ธในสหรัฐฯ มาจากเหมือง ‘Mountain Pass’ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นของบริษัท ‘MP Materials’ โดยทาง ‘Mountain Pass’ กำลังผลิตนีโอดิเมียมและเพรซีโอดิเมียม (NdPr) ที่มีความบริสุทธิ์สูง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับแม่เหล็กนีโอดิเมียมเหล็กโบรอน (NdFeB) ที่มีความแข็งแรงสูง 

USGS ประเมินมูลค่าการนำเข้าแร่แรร์เอิร์ธของสหรัฐฯ ในปี 2024 ไว้ที่ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.5 พันล้านบาท) ลดลงจาก 186 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6 พันล้านบาท) ในปี 2023 ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้จัดประเภทแร่แรร์เอิร์ธเป็นแร่ธาตุสำคัญ ซึ่งถือเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญเนื่องจากปัญหาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน 

ด้วยเป้าหมายที่จะเสริมสร้างอุปทานภายในประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2024 รัฐบาลไบเดนของสหรัฐฯ ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าแร่แรร์เอิร์ธจากจีนในอัตรา 25%  ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2026 ขณะที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ มุ่งมั่นที่จะรักษาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุและแร่แรร์เอิร์ธที่สำคัญของประเทศ ซึ่งอาจถึงขั้นคุกคามการผนวกกรีนแลนด์และแคนาดา เนื่องจากทั้งสองประเทศมีแหล่งสำรองแร่แรร์เอิร์ธ และแร่ธาตุสำคัญอื่นๆ จำนวนมาก นอกจากนี้ ทรัมป์ยังทำให้การเข้าถึงแร่แรร์เอิร์ธกลายเป็นประเด็นสำคัญในข้อตกลงด้านกลาโหมกับยูเครนอีกด้วย 

3.) เมียนมา 

เมียนมาผลิตแร่ธาตุหายากได้ 31,000 เมตริกตันในปี 2024 ซึ่งลดลงมากกว่า 27% จากปริมาณแร่แรร์เอิร์ธ 43,000 เมตริกตันที่เมียนมาขุดได้ในปีก่อน แต่ยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่า 158% จากปริมาณ 12,000 เมตริกตันที่เมียนมาผลิตได้ในปี 2022 ซึ่งอุปทานลดลงในปีนั้นได้หยุดการผลิตชั่วคราวไปอันเนื่องมาจากความวุ่นวายหลังการรัฐประหารในปี 2021 

อุตสาหกรรมแร่แรร์เอิร์ธของเมียนมากำลังเผชิญกับข้อถกเถียง เนื่องจากมีรายงานว่าส่วนใหญ่ดำเนินการโดยคนงานเหมืองขนาดเล็กที่ไร้การควบคุม และเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธที่ไม่มีแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านสิ่งแวดล้อม หรือแผนการฟื้นฟู น่าแปลกที่การทำเหมืองเหล่านี้ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม แต่มันกลับเต็มไปด้วยการกระทำที่ทำลายสิ่งแวดล้อม แหล่งน้ำ สัตว์ป่า และพืชพรรณในเมียนมา 

ขณะเดียวกัน จีนซึ่งมีพรมแดนติดกับเมียนมา ก็ได้รับวัตถุดิบสำหรับแร่แรร์เอิร์ธถึง 70% จากเมียนมา รวมถึงดิสโพรเซียมและเทอร์เบียมด้วย ด้วยเหตุนี้ การจัดหาวัตถุดิบของจีนจึงประสบปัญหาต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2024 เมื่อกองทัพกะฉิ่นเอกราชของเมียนมาได้ยึดเมืองสองแห่งในรัฐกะฉิ่น ใกล้กับมณฑลยูนนานของจีน ซึ่งเป็นแหล่งจัดหาแร่แรร์เอิร์ธที่สำคัญให้กับจีน  

4.) ออสเตรเลีย 

ในปี 2024 ปริมาณการผลิตแร่แรร์เอิร์ธของออสเตรเลียอยู่ที่ 13,000 เมตริกตัน ลดลงจาก 16,000 เมตริกตันในปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิต 24,000 เมตริกตันในปี 2021 โดยออสเตรเลียมีปริมาณสำรองแร่แรร์เอิร์ธมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และกำลังเตรียมเพิ่มปริมาณการผลิต 

รัฐบาลออสเตรเลียกำลังเร่งพัฒนาทรัพยากรแร่แร์รเอิร์ธของประเทศผ่านศูนย์วิจัยและพัฒนาแร่ธาตุสำคัญของ ‘Geoscience Australia’ นอกจากนี้ กองทุนฟื้นฟูแห่งชาติของรัฐบาลยังได้จัดสรรเงิน 200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 4.2 พันล้านบาท) สำหรับการพัฒนาโครงการแร่แรร์เอิร์ธ ‘Nolans’ ของบริษัทเหมืองแร่ ‘Arafura Rare Earths’ ในเขตปกครองตนเองนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี และมอบเงิน 400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 8.5 พันล้านบาท) ให้กับบริษัททรัพยากรแร่ ‘Iluka Resources’ สำหรับการก่อสร้างโรงกลั่นแร่แรร์เอิร์ธ ‘Enneaba’ ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย 

นอกจากนี้ ‘Lynas Rare Earths’ ผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ธชั้นนำนอกประเทศจีน ได้ดำเนินการเหมืองและโรงงานแยกแร่ ‘Mount Weld’ ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย โดย Mount Weld เป็นหนึ่งในเหมืองแรร์เอิร์ธชั้นนำของโลก โดยมีกำหนดเสร็จสิ้นโครงการขยายกำลังการผลิตเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตแร่นีโอไดเมียม (Neodymium - Nd) และเพรซีโอดิเมียม (Praseodymium - Pr) ต่อปีเป็น 12,000 เมตริกตันในปี 2025 

5.) ไนจีเรีย 

ปริมาณการผลิตแรร์เอิร์ธของไนจีเรียในปี 2024 อยู่ที่ 13,000 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 80% จากระดับผลผลิตของปีก่อนหน้า

ประเทศในแอฟริกาแห่งนี้ถือเป็นประเทศน้องใหม่ที่เพิ่งติดอันดับ 10 ประเทศผู้ผลิตแรร์เอิร์ธชั้นนำ เนื่องจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่แรร์เอิร์ธของไนจีเรียยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา จึงยังมีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับปริมาณสำรองแรร์เอิร์ธในขณะนี้ 

เมื่อปลายปี 2024 รัฐบาลไนจีเรียได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลฝรั่งเศสเพื่อร่วมกันพัฒนาแร่ธาตุสำคัญ ซึ่งรวมถึงแรร์เอิร์ธด้วย 

6.) ไทย 

ปริมาณการผลิตแรร์เอิร์ธของไทยอยู่ที่ 13,000 เมตริกตันในปี 2024 เพิ่มขึ้นถึง 261% จากปีก่อนหน้า ปริมาณการผลิตแรร์เอิร์ธของไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2018 พบว่า ไทยมีปริมาณการผลิตเพียง 1,000 เมตริกตัน 

แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธของไทย แต่ประเทศไทยก็เป็นแหล่งนำเข้าแรร์เอิร์ธที่สำคัญของจีน โดยมีโรงงานสำคัญแห่งหนึ่ง ได้แก่ ‘Neo Magnequench’ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ‘Neo Performance Materials’ ที่ดำเนินกิจการโรงงานผลิตวัสดุแม่เหล็กแร่แรร์เอิร์ธที่จังหวัดนครราชสีมา  

อย่างไรก็ดี ‘BYD’ ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของจีน ได้เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามูลค่า 486 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.5 หมื่นล้านบาท) ในประเทศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า “ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจะขยายธุรกิจเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราภาษีที่ต่ำกว่าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบประกอบสำเร็จสำหรับบริษัทที่ให้คำมั่นว่าจะตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และส่วนใหญ่เป็นของจีน” 

7.) อินเดีย 

อินเดียผลิตแร่แรร์เอิร์ธได้ 2,900 เมตริกตันในปี 2024 ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยปริมาณการผลิตของอินเดียคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของปริมาณแร่แรร์เอิร์ธทั่วโลก

แต่การผลิตแร่แรร์เอิร์ธของอินเดียต่ำกว่าศักยภาพอย่างมาก เมื่อพิจารณาว่าอินเดียมีแหล่งแร่ทรายชายหาดเกือบ 35% ของโลก ซึ่งเป็นแหล่งแร่แรร์เอิร์ธที่สำคัญ

อย่างไรก็ดี อินเดียได้เข้าร่วมโครงการ ‘Minerals Security Partnership’ (MSP) ในช่วงกลางปี 2023 ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ และมุ่งเน้นการสร้างห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุที่สำคัญ รวมถึงแร่แรร์เอิร์ธ 

การสำรวจและการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธส่วนใหญ่ของอินเดียดำเนินการภายใต้การอุปถัมภ์ของรัฐบาลผ่านทางโรงงานสกัดแร่ ‘IREL’ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในชื่อ ‘Indian Rare Earths Limited’ ในปี 1950 นอกจากนี้ รัฐบาลก็กำลังดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับการสกัดและแปรรูปแร่แรร์เอิร์ธ 

8.) รัสเซีย 

รัสเซียผลิตแร่ธาตุหายากได้ 2,600 เมตริกตันในปี 2024 ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขในปีก่อนหน้า มีรายงานว่ารัสเซียได้ลดภาษีเหมืองแร่และเสนอเงินกู้ลดราคาให้กับนักลงทุนในโครงการเกือบ 12 โครงการที่มุ่งเพิ่มส่วนแบ่งการผลิตแร่แรร์เอิร์ธทั่วโลกของประเทศจาก 1.3% ในปัจจุบันเป็น 10% ภายในปี 2030 

ปัจจุบัน แหล่งแร่แรร์เอิร์ธที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย คือ ‘Tomtor’ กำลังได้รับการพัฒนาโดย ‘TriArk Mining’ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ‘Rostec’ กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมและ ‘อเล็กซานเดอร์ เนซิส’ เจ้าของกิจการ 

อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกายน 2024 สำนักข่าว Reuters รายงานว่า “ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวหาบริษัทว่าชะลอการพัฒนา และแนะนำให้ร่วมมือกับบุคคลที่สาม เช่น รัฐบาล หรือการระดมทุน”  

ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ก็มีรายงานว่า “รัฐบาลรัสเซียได้ส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลทรัมป์ว่าสนใจที่จะทำข้อตกลงพัฒนาแร่แรร์เอิร์ธกับสหรัฐฯ” 

9.) มาดากัสการ์ 

มาดากัสการ์ผลิตแร่แรร์เอิร์ธได้ 2,000 เมตริกตันในปี 2024 เกือบเท่ากับปริมาณการผลิต 2,100 เมตริกตันในปีก่อนหน้า และลดลงอย่างมากจาก 6,800 เมตริกตันในปี 2021 

มีรายงานว่า บริเวณคาบสมุทรอัมปาซินดาวาของประเทศเป็นแหล่งสะสมของดินเหนียวไอออนิก 628 ล้านเมตริกตัน โดยมีแร่แรร์เอิร์ธในปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดิสโพรเซียม นีโอดิเมียม และยูโรเพียม ถือเป็นหนึ่งในแหล่งแร่แรร์เอิร์ธที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน แต่ยังไม่มีรายงานการพัฒนาแหล่งแร่ดังกล่าวแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตาม การลดลงของปริมาณการผลิตแร่แรร์เอิร์ธในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการต่อต้านการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธที่เพิ่มขึ้นจากเกษตรกรที่ต่อต้านการทำเหมืองในชุมชนของตัวเองอย่างรุนแรง 

ในเดือนเมษายน 2024  บริษัทผลิตแร่ธาตุสำคัญ ‘Energy Fuels’ ได้ตกลงเข้าซื้อกิจการ ‘Base Resources’ และโครงการทรายแร่หนัก ‘Toliara’ ขั้นสูงในมาดากัสการ์ทางตะวันตกเฉียงใต้ โดย Energy Fuels วางแผนที่จะแยกทรายโมนาไซต์ออกจากแหล่งแร่ ‘Ranobe’ ของ Toliara ที่โรงงาน ‘White Mesa’ ในรัฐยูทาห์ สหรัฐฯ 

10.) เวียดนาม 

ปริมาณการผลิตแร่หายากของเวียดนามอยู่ที่ 300 เมตริกตันในปี 2024 ซึ่งเท่ากับปริมาณการผลิตในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตลดลง 75% จาก 1,200 เมตริกตันในปี 2022 ขณะเดียวกันก็มีปริมาณสำรองแร่แรร์เอิร์ธมากเป็นอันดับ 6 ของโลก ซึ่งรวมถึงแหล่งแร่แรร์เอิร์ธหลายแห่งที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับจีนและตามแนวชายฝั่งตะวันออก 

นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังสนใจที่จะสร้างกำลังการผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งรวมถึงแผงโซลาร์เซลล์ และมีรายงานว่ากำลังมองหาการผลิตแร่แรร์เอิร์ธเพิ่มเติมสำหรับห่วงโซ่อุปทาน ด้วยเหตุผลนี้ รัฐบาลจึงตั้งเป้าหมายที่จะสกัดและแปรรูปแร่แรร์เอิร์ธให้ได้ 2 ล้านเมตริกตันต่อปีภายในปี 2030 

อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาการทุจริตร้ายแรงเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ได้นำไปสู่การจับกุมผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรม รวมถึงประธานบริษัท ‘Vietnam Rare Earth JSC’ ได้ขัดขวางแผนดังกล่าว 

“การจับกุมดังกล่าวทำให้แผนของรัฐบาลในการประมูลสัมปทานการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธแห่งใหม่ต้องหยุดชะงักลง และก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติต้องหยุดโปรเจกต์นี้ไว้ก่อน” Asia Times รายงาน 

อินโฟกราฟฟิกโดย : อรนรร จิรชลมารค
อินโฟกราฟฟิกโดย : อรนรร จิรชลมารค

ภาพปก : สันติ อมรสถิตย์

อินโฟกราฟฟิก : อรนรร จิรชลมารค

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์