สวีเดนจะยุติความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับเมียนมาภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2026 ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนโยบายความช่วยเหลือของสวีเดนในวงกว้างที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับยูเครนเป็นอันดับแรก
รัฐบาลสวีเดนระบุว่า เงื่อนไขความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในเมียนมาแย่ลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2021 ซึ่งรัฐบาลระบุว่า ‘Sida’ หน่วยงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสวีเดน อาจจ่ายเงินสนับสนุนสูงถึง 175 ล้านโครนาสวีเดน (ราว 599 ล้านบาท) ในปี 2025 และ 140 ล้านโครนาสวีเดน (ราว 479 ล้านบาท) ในปี 2026 ภายใต้ข้อตกลงที่มีอยู่ก่อนที่ความร่วมมือจะสิ้นสุดลง แต่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ให้แก่เมียนมาจะไม่ได้รับผลกระทบ
“ยูเครนเป็นแนวป้องกันที่สำคัญที่สุดของยุโรป และพวกเขากำลังปกป้องทั้งเสรีภาพของตัวเองและของเรา ดังนั้น การปรับโครงสร้างความช่วยเหลือของสวีเดนจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย ด้วยการตัดสินใจครั้งนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าทำงานในการยุติยุทธศาสตร์ต่างๆ เพื่อเปิดทางให้มีการสนับสนุนยูเครนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
— เบนจามิน ดูซา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศและการค้าต่างประเทศ กล่าวในคำประกาศ
การตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย ‘ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาเพื่อยุคใหม่’ ของสวีเดน ซึ่งลดทอนความมุ่งมั่นที่มีมายาวนานของประเทศในการใช้จ่าย 1% ของรายได้ประชาชาติสำหรับความช่วยเหลือด้านการพัฒนา
องค์กรสิทธิมนุษยชนเมียนมาระบุว่า “การยกเลิกนี้เป็นการโจมตีอย่างรุนแรงต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชน สื่ออิสระ และกลุ่มประชาสังคมในท้องถิ่น...การถอนตัวของสวีเดนอาจทำให้สื่ออิสระของเมียนมาสูญเสียรายได้ประมาณ 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 76 ล้านบาท) ต่อปี และกลุ่มสิทธิมนุษยชนสูญเสียรายได้ประมาณ 255,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8 ล้านบาท) ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป”
ขณะที่ทางด้านองค์กรนอกภาครัฐ (NGO) โต้แย้งว่า “การถอนตัวดังกล่าวบั่นทอนความสามัคคีระหว่างประเทศ และเสี่ยงต่อการลดทอนความพยายามในการบันทึกการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายใต้การปกครองของทหาร”
นอกจากนี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนเมียนมายังระบุว่า “สวีเดนได้ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่เมียนมาประมาณ 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.5 พันล้านบาท) นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน การแก้ไขความขัดแย้ง การมีส่วนร่วมตามระบอบประชาธิปไตย และโครงการสื่อต่างๆ”
(Photo by AFP)