กองกำลังพิทักษ์ชายแดนรัฐกะเหรี่ยง (BGF) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่มรัฐบาลทหารเมียนมา และกองกำลังรัฐบาล ได้บุกเข้าตรวจค้นศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติในเมือง ‘ชเวโก๊กโก’ เมื่อวันอังคาร (18 พ.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ศูนย์สแกมนี้ยังคงปฏิบัติการอยู่ภายใต้การคุ้มครองของ BGF
การบุกตรวจค้นครั้งนี้เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ BGF ประกาศ ‘สงครามครั้งสุดท้าย’ ในการต่อต้านปฏิบัติการฉ้อโกงในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง
กองกำลัง BGF และทหาร รวมถึงตำรวจเมียนมา ได้ร่วมกันบุกเข้าตรวจค้นแหล่งอาชญากรรมแห่งนี้ และจับกุมชาวต่างชาติกว่า 300 คน ซึ่งเชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นชาวจีน พร้อมทั้งยึดคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ BGF ประกาศในวันจันทร์ (17 พ.ย.) ชาวจีนหลายพันคนที่ทำงานในแหล่งฉ้อโกงได้หลบหนีออกจาก ‘ศูนย์กลางอาชญากรรม’ ส่งผลให้การจราจรติดขัดบนถนนนอกพื้นที่ ทั้งนี้ แหล่งข่าวท้องถิ่นเผยว่า “แก๊งเจ้าพ่อที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการหลอกลวงนี้ถูก BFG พาอพยพออกไปล่วงหน้าแล้ว”
ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Irrawaddy ว่า “BGF และรัฐบาลจะร่วมกันดำเนินการปฏิบัติการนี้ แต่ก่อนที่พวกเขาจะลงมือ ก็ได้มีการแจ้งเตือนให้ชาวจีนหลบหนีออกจากศูนย์กลางการหลอกลวงนี้ก่อนแล้ว”
“กองกำลัง BFG ได้เริ่มปฏิบัติการบุกตรวจค้นศูนย์กลางการหลอกลวงในเช้าวันอังคาร (18 พ.ย.) แต่คนร้ายจำนวนมากได้หลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้วหลังจากได้รับแจ้งล่วงหน้า”
— พันโทหน่าย หม่อง ซอ โฆษกของ BGF กล่าว
การปฏิบัติการร่วมกันของ BGF และรัฐบาลในการบุกทลายศูนย์กลางการหลอกลวงนี้เกิดขึ้น 6 วันหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อ ‘ปราบปราม’ เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า เครือข่ายดังกล่าวได้ฉ้อโกงชาวอเมริกันเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนว่า “ทีมปฏิบัติการในเมียนมา (Strike Force Burma team) ได้ดำเนินการแล้ว นอกจากนี้ก็ยังส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ไปยังประเทศไทยเพื่อปราบปรามแหล่งหลอกลวงในเมียนมา รวมถึงศูนย์สแกม KK Park ภายใต้การคุ้มครองของ BGF”
โฆษกของ BGF บอกกับสื่อมวลชนไทยว่า พวกเขาจะทลายศูนย์หลอกลวงในชเวโก๊กโกให้หมดสิ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวเมียนมา ไทย และทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ กองกำลัง BGF ได้ตรวจค้นชเวโก๊กโกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจับกุมชาวต่างชาติกว่า 4,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน พร้อมทั้งส่งตัวกลับประเทศ แม้ว่าจะมีคำมั่นสัญญาซ้ำๆ หลายครั้งที่จะยุติอุตสาหกรรมหลอกลวงนี้ แต่ปฏิบัติการหลอกลวงก็ยังคงดำเนินอยู่
“การจัดตั้งกองกำลังปราบปรามพิเศษของสหรัฐฯ ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัดการกับความเสียหายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งแก๊งต้มตุ๋นที่เชื่อมโยงกับจีนกำลังสร้างความเสียหายให้กับสหรัฐฯ ในขณะนี้”
— เจสัน จี. ทาวเวอร์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสจากโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (GI-TOC) ให้สัมภาษณ์กับ The Irrawaddy เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หลังจากการดำเนินการของสหรัฐฯ มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้เดินทางเยือนเมืองพะอัน รัฐกะเหรี่ยงในวันเสาร์ (15 พ.ย.) และให้คำมั่นว่าจะกำจัดศูนย์หลอกลวงตามแนวชายแดนเมียนมา-ไทย รวมถึงที่ KK Park ด้วย
ขณะเดียวกัน เมียนมา จีน กัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนาม ก็ประกาศว่าจะปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและไซเบอร์ ระหว่างการประชุมสุดยอดระดับภูมิภาคลุ่มน้ำโขง-ล้านช้าง ที่จัดขึ้นที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน เมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) ที่ผ่านมา
เป็นที่ทราบกันดีว่า BGF และ ซอ ชิต ตู ผู้นำในกลุ่มติดอาวุธในรัฐกะเหรี่ยง อยู่เบื้องหลังศูนย์กลางการหลอกลวงชเวโก๊กโก โดยในเดือนกันยายน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรผู้ประกอบการศูนย์หลอกลวงในชเวโก๊กโก รวมทั้งศูนย์หลอกลวงในกัมพูชาด้วย
สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (USIP) ระบุในเดือนเมษายนปีที่แล้วว่า “BGF ซึ่งนำโดยซอ ชิต ตู, โมต โทน และ ซอ ทิน วิน ได้ให้การสนับสนุนกลุ่มอาชญากรชาวจีนด้วยการจัดหาไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตจากประเทศไทย” นอกจากนี้ พวกเขายังได้แสวงหาผลประโยชน์จากแหล่งทุจริตสำคัญๆ ในเมียวดี ได้แก่ ชเวโก๊กโก, จินซิน, เฮงเซิง, ตงฟางฮุย, KK Park, หวันหยา และเขตตงเหมย
“ทั้งรัฐบาลและ BGF ได้รับประโยชน์ทางการเงินจากความร่วมมือในปฏิบัติการหลอกลวงเหล่านี้ และมีรายงานว่า BGF ได้มอบรายได้ประจำปีประมาณ 50% หรือประมาณ 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.2 พันล้านบาท) จากศูนย์หลอกลวงชเวโก๊กโกเพียงแห่งเดียว ให้กับรัฐบาล ”
— USIP ระบุ
(Photo by : SAROT MEKSOPHAWANNAKUL / THAI NEWS PIX / AFP)
