ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพุธ (5 พ.ย.) ว่า “รัสเซียจะพิจารณากลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้ง หากสหรัฐฯ ดำเนินการดังกล่าว” ซึ่งเป็นสิ่งที่รัสเซียไม่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่การรล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991
ปูตินได้เรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคง และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงร่างข้อเสนอสำหรับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ คำสั่งดังกล่าวเป็นการตอบโต้ต่อการประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “สหรัฐฯ จะกลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้ง” ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าทั้งสองประเทศซึ่งมีคลังอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลกกำลังใกล้จะก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่งที่อาจทำให้ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
แถลงการณ์ดังกล่าวถือเป็นครั้งล่าสุดของการสั่นคลอนทางนิวเคลียร์ระหว่าง 2 มหาอำนาจนิวเคลียร์ หลังจากที่ปูตินและทรัมป์ไม่สามารถหาทางแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนได้
“ผมสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม...หน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานพลเรือนที่เกี่ยวข้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ วิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวในที่ประชุมสภาความมั่นคง และเสนอข้อเสนอที่ตกลงร่วมกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเริ่มดำเนินการเตรียมการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์” ปูตินกล่าวในถ้อยแถลงที่ออกอากาศทางโทรทัศน์
ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ เสื่อมถอยลงอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากทรัมป์รู้สึกผิดหวังกับความคืบหน้าในการยุติสงครามในยูเครน จึงยกเลิกการประชุมสุดยอดที่วางแผนไว้กับปูติน และประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เมื่อเดือนมกราคม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้โพสต์บน Truth Social ว่า เขาสั่งการให้กระทรวงกลาโหมเริ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในระดับที่เท่ากับจีนและรัสเซีย แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดมากนักว่า จริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะทดสอบระบบอาวุธ หรือทดสอบระเบิดจริง ซึ่งการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์นั้น เป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ไม่ได้ทดสอบมาตั้งแต่ปี 1992
ในที่ประชุมสภาความมั่นคง อันเดร เบลูซอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้เสนอให้ ‘เริ่มต้นการเตรียมการทันที’ สำหรับการทดสอบนิวเคลียร์ในหมู่เกาะโนวายาเซมเลีย แถบมหาสมุทรอาร์กติก
ขณะที่พลเอกวาเลรี เกราซิมอฟ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวกับปูตินว่า “หากเราไม่ใช้มาตรการที่เหมาะสมในตอนนี้ เวลาและโอกาสในการตอบโต้การกระทำของสหรัฐฯ อย่างทันท่วงทีก็จะสูญเปล่า เนื่องจากระยะเวลาที่ใช้ในการเตรียมการทดสอบนิวเคลียร์นั้น อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับประเภทของการทดสอบ”
“หากวอชิงตันดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ มอสโกก็จะทำเช่นเดียวกัน”
— ปูตินกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเดือนตุลาคม รัสเซียได้ทดสอบขีปนาวุธร่อนบูเรเวสต์นิก (Burevestnik) ซึ่งใช้พลังงานนิวเคลียร์และออกแบบมาเพื่อติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังมีการฝึกซ้อมยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์และทดสอบซูเปอร์ตอร์ปิโดโพไซดอนที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์อีกด้วย
ตามข้อมูลของสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกันระบุว่า รัสเซียและสหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ที่มีจำนวนหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุด รองลงมาคือจีน ฝรั่งเศส อังกฤษ อินเดีย ปากีสถาน อิสราเอล และเกาหลีเหนือ
สำนักข่าว TASS ของรัสเซีย อ้างคำพูดของ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกสภาเครมลินที่ระบุว่า “ปูตินไม่ได้กำหนดเส้นตายที่ชัดเจนสำหรับการร่างข้อเสนอเกี่ยวกับการทดสอบนิวเคลียร์”
นอกเหนือจากเกาหลีเหนือแล้ว ยังไม่มีประเทศใดที่ดำเนินการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่เกี่ยวข้องกับการระเบิดนิวเคลียร์ในศตวรรษที่ 21
(Photo by Gavriil Grigorov / POOL / AFP)



